แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เชิญเจ้าหน้าที่ของทางญี่ปุ่นเข้าหารือเพื่อสรุปเกี่ยวกับรายละเอียดการดำเนินโครงการรถไฟความเร็งสูง(ไฮสปีดเทรน) เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะทาง 672 ก.ม.อย่างต่อเนื่อง หลังจากก่อนหน้านี้ทางญี่ปุ่นได้รายงานกำหนดวงเงินลงทุนไว้ที่ 5.3 แสนล้านบาท สูงกว่าที่ไทยเคยศึกษาไว้ที่ 4.4 แสนล้านบาท
สาเหตุที่ทำให้วงเงินของญี่ปุ่นสูงกว่าไทยนั้น เนื่องจากทางญี่ปุ่นศึกษาการก่อสร้างจากเชียงใหม่-สถานีกลางบางซื่อ ในขณะที่ไทยศึกษาจากเชียงใหม่-บ้านภาชีเท่านั้น จึงส่งผลให้วงเงินการลงทุนแตกต่างกัน
ทั้งนี้การที่ไทยศึกษาถึงแค่บ้านภาชี เนื่องจากแผนเดิมกำหนดให้รถไฟความเร็วสูง เส้นทางหนองคาย-กรุงเทพฯ ใช้ทางวิ่งเดียวกัน กับกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ดังนั้นกระทรวงคมนาคมจึงต้องเร่งหาข้อสรุป ร่วมกับทางญี่ปุ่นเกี่ยวกับเส้นทางจากบ้านภาชี-บางซื่อ ว่าจะสามารถใช้ทางวิ่งเดียวกันกับจีนได้หรือไม่ หรือในที่สุดแล้วจะต้องแยกทางวิ่งออกจากกัน
แหล่งข่าวกล่าวว่าการที่ญี่ปุ่นจะใช้ทางวิ่งร่วมกับรถไฟไทย-จีน ในเส้นทางหนองคาย-กรุงเทพฯ หรือที่จะดำเนินการในระยะแรกจากนครราชสีมา-กรุงเทพฯนั้น ถือเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก เพราะเทคโนโลยีชินคังเซนของญี่ปุ่นเป็นเทคโนโลยีเฉพาะ ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีของจีน หรือของยุโรปได้
ด้านนายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวถึงโครงการศึกษาออกแบบรายละเอียดศูนย์คมนาคมพหลโยธิน และการพัฒนาพื้นที่โดยรอบศูนย์กลางคมนาคมว่า ญี่ปุ่นสนใจที่จะเข้ามาพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์บริเวณสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง ซึ่งในอนาคตจะเป็นพื้นที่ที่เชื่อมต่อกับศูนย์คมนาคมพหลโยธิน และจะมีการพัฒนาพื้นที่ในกิจกรรมต่างๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม ร้านค้าปลีก เป็นต้น
รูปแบบการร่วมลงทุนจะเป็นลักษณะที่เอกชนไทยและเอกชนจากต่างประเทศร่วมลงทุนแบบพีพีพี โดยรฟท.ให้เช่าพื้นที่ลงทุน ส่วนจะเป็นระยะเวลากี่ปีนั้นจะมีการสรุปข้อมูลทั้งหมดภายในเดือนส.ค.นี้