รัฐเก็บภาษีที่ดิน กดดันเศรษฐีนำออกมาขายเป็นโอกาสดีของนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส เปิดเผยว่า ผลจากรัฐเรียกเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากนัก แต่ในทางกลับกันจะสนับสนุนให้เกิดการนำที่ดินเปล่าออกมาพัฒนา เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เพราะอัตราภาษีที่ดินเปล่าสูงมาก หากเศรษฐีที่ดินถือไว้ก็จะมีภาระภาษีทุกปี ดังนั้นอาจจะเห็นการปล่อยที่ดินออกมาขายมากขึ้น และจะเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการมีที่ดินในการนำมาพัฒนาต่อไปได้
สำหรับผลกระทบต่อต้นทุนของ ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์นั้น นายเทิดศักดิ์ กล่าวว่า ภาษีที่ดินไม่มีผลมากนัก ผู้ประกอบการไม่มีการสะสมที่ดินแล้ว เช่น จะเปิด 20 โครงการ จะมีที่ดินในมือประมาณ 50% ส่วนอีก 50% จะทยอยซื้อ ส่วนการเก็บภาษีจากบ้านหลังที่ 2 ผล กระทบกับผู้ที่จะซื้อเพื่อลงทุน หรือซื้อเพื่อปล่อยเช่าต้องพิจารณาว่าจะคุ้มหรือไม่ เพราะต้นทุนเพิ่มขณะที่ไม่สามารถปรับขึ้นค่าเช่าหรือผลักภาระไปได้ก็จะทำให้ตลาดในส่วนนี้หดตัวลงบ้าง รวมถึงการเก็งกำไรด้วย แต่โดยปกติมักจะไม่ถือจนถึงโอนจะขายก่อนในระหว่างการจอง
“ผลของการเก็บภาษีน่าจะทำให้ตลาดของการซื้อ เพื่อการลงทุนและเก็งกำไรชะลอตัวลง แต่ช่วยลดความร้อนแรง หรือลดภาวะการเกิดฟองสบู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ลงได้” นายเทิดศักดิ์ กล่าว
บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ว่าบ้านราคา 50 ล้านบาทนั้นจะมีสัดส่วนเพียง 5% ของบ้านทั้งระบบ ส่วนการเก็บภาษีบ้านหลังที่ 2 ตั้งแต่บาทแรก ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 10% ของทั้งระบบนั้นจะกระทบต่อการบ้านพักตากอากาศ หรือการซื้อบ้าน เพื่อปล่อยเช่าต่อจะหดตัวลงรวมถึงการเก็งกำไรด้วย
“การเก็บภาษีที่ดินน่าจะกระทบต่อตลาดบ้านมือ 2 มากกว่า จะทำให้ชะลอตัวลงและในระยะยาวจะทำให้อัตราค่าเช่าเพิ่มขึ้น” บทวิเคราะห์ระบุ
สำหรับกลุ่มผู้ที่ได้รับมรดกเป็นที่ดินว่างเปล่าจะได้รับผลกระทบจากภาษีนี้มากที่สุด จะต้องหาเงินสดมาจ่ายภาษีทุกปีน่าจับตามองคือ ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างส่วนกลางของโครงการที่พักอาศัย ซึ่งสมาคมบ้านจัดสรรได้เสนอไปยังรัฐแล้วว่าไม่ควรจัดเก็บ
สำหรับผลประกอบการของอสังหาริมทรัพย์คาดว่าในไตรมาส 2/2559 น่าจะปรับตัวดีขึ้น จากยอดโอนเดือน เม.ย. ที่เร่งตัวขึ้นมาก่อนหมดอายุมาตรการกลุ่มที่อยู่อาศัย ราคาถูกกว่าตลาดพี/อี ต่ำกว่า 8 เท่า จ่ายปันผลสูงมาก
บล.บัวหลวง ระบุว่า หากราคาหุ้นอสังหาริมทรัพย์ลดลงถือเป็นโอกาสซื้อ เช่นเดียวกันกับ บล.เคจีไอ ที่เพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นอสังหาริมทรัพย์เป็นมากกว่าตลาดเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ราคาหุ้นอสังหาริมทรัพย์ลดลงแรงกว่าตลาด เช่น บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท ปิดที่ 25.75 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ 2.83% บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ลดลง 3.94%