กนง.ลดดอกเบี้ย ฉุดบาทอ่อนหนุนราคาทองไทยลดแต่ไม่แรง กูรูแนะหลัง มี.ค.นี้ มีโอกาสทองต่ำสุดเป็นจังหวะดีเข้าลงทุน
นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า การลดดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เห็นผลทันทีต่อค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงประมาณ 30 สตางค์ ใกล้แตะ 33 บาท/เหรียญสหรัฐ แต่ยังแข็งค่ามากกว่าสกุลเงินคู่ค้า แต่ในระยะต่อไปแนวโน้มเงินบาทอาจอ่อนค่า เพราะส่วนต่างดอกเบี้ยไทย-สหรัฐแคบลง อาจส่งผลให้เงินทุนไหลออกโดยเฉพาะจากพันธบัตรกระทรวงการคลัง จึงคาดว่าสิ้นปีเงินบาทจะเคลื่อนไหวที่ 34 บาท/เหรียญสหรัฐ
นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ผลจากเงินบาทอ่อนค่าทำให้ราคาทองคำเมื่อแปลงเป็นเงินบาทไม่ได้ลดลงจากแนวโน้มราคาทองจากเดือน มี.ค.นี้ ราคาทองคำน่า จะมีโอกาสทำสถิติต่ำสุดครั้งใหม่ (นิวโลว์) ซึ่งเคยลงไปต่ำสุด 1,130 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ เมื่อช่วงปลายปี 2557 เนื่องจากคาดการณ์ว่าหากสหรัฐปรับขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้ค่าเงินสหรัฐปรับตัวแข็งค่า และส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง
กรณีราคาทองคำลงแตะระดับนิวโลว์ที่ 1,130 เหรียญสหรัฐ คิดบนค่าเงินบาทที่ระดับ 32.8 เหรียญสหรัฐ จะเท่ากับราคาทองบาทละ 17,600-17,800 บาท นับเป็นจังหวะทยอยรับซื้อ เพราะมองว่าหากราคาทองคำต่ำกว่าบาทละ 18,000 บาท ซื้อสะสมเพื่อการลงทุนระยะยาว
“ทิศทางค่าเงินบาทในปีนี้ น่าจะอยู่ในกรอบ 33-34 บาท/เหรียญสหรัฐ แนวโน้มเงินอ่อนค่าเป็นตัวช่วยให้ราคาทองคำในประเทศไม่ลดลง ดังนั้นค่าเงินบาทเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนทองคำจะต้องเฝ้าสำคัญที่นักลงทุนทองคำจะต้องเฝ้าติดตามในปีนี้” นายกมลธัญ กล่าว
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ข้อดีของการลดดอกเบี้ยคือทำให้คนมีกำลังซื้อ กล้ากู้เงิน เกิดการบริโภคและการลงทุน แต่อีกด้านหนึ่งทำให้คนที่ฝากเงินกับธนาคารได้ดอกเบี้ยน้อยลง อาจมีทำกำไรได้
สำหรับความเคลื่อนไหวของธนาคารพาณิชย์ หลังจากที่ กนง.ลดดอกเบี้ยนโยบาย และธนาคารไทยพาณิชย์ได้ลดดอกเบี้ยทั้งเงินกู้และเงินฝากลง 0.2% ขณะนี้ยังไม่มีธนาคารใดลดดอกเบี้ยตาม
นายภากร ปีตธวัชชัย รอง ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า แม้ดอกเบี้ยปรับลดลงเพียงเล็กน้อย อาจทำให้นักลงทุนถือหุ้นระยะยาวมากขึ้น
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดยฺ์