“กรมบัญชีกลาง” เผยกำลังปรับเกณฑ์ราคากลางก่อสร้างให้เหมาะสมตามพื้นที่ โดยเกณฑ์ปรับปรุงพิจารณาปรับตาม 4 สมาคมอุตสาหกรรมการก่อสร้างเสนอ “ซิโน-ไทย- ช.การช่าง” หนุนรัฐขึ้นราคา
ระบุปัจจุบันคำนวณราคาต่ำ แนะกำหนดราคาตามความซับซ้อนของงาน-ไม่เหมาโหล จี้รัฐเร่งเข็นงานประมูลเมกะโปรเจค หวั่นกระทบเชื่อมั่น ด้าน”สมาคมวิชาชีพก่อสร้าง” ส่งหนังสือกระทุ้งรัฐ ย้ำเคาะราคาเป็นธรรมลดคอร์รัปชัน
การเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้า ส่วนหนึ่งเกิดจากราคากลางก่อสร้างงานรัฐที่ต่ำ ทำให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมก่อสร้าง เมินเข้าร่วมประมูล กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจปีนี้ที่มีเสาหลักอยู่ที่การเดินหน้าโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจค)
แหล่งข่าวจากกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางกำลังทบทวนหลักเกณฑ์การกำหนดราคากลาง ในการจัดซื้อจัดจ้างงานก่อสร้างภาครัฐให้เหมาะสม สอดคล้องกับปัจจัยแวดล้อมการก่อสร้างปัจจุบัน เพื่อนำมาเชื่อมโยงกับระบบไอทีที่กรมฯอยู่ระหว่างปรับปรุงให้ทันสมัย และง่ายต่อการใช้งานของผู้ปฏิบัติ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีความรู้ และประสบการณ์เกี่ยวกับงานก่อสร้างและการประมาณราคากลาง
กรมบัญชีกลาง มีเวลาทบทวนหลักเกณฑ์การกำหนดราคากลางงานก่อสร้างภาครัฐทุก 5 ปี หากมีปัจจัยที่ผันแปร ซึ่งมีผลต่อราคาการก่อสร้าง กรมฯจะเสนอคณะกรรมการพิจารณาราคากลางงานก่อสร้าง เพื่อพิจารณาปรับปรุง โดยหลักเกณฑ์การคำนวณมีหลายปัจจัยประกอบ อาทิ ค่าวัสดุก่อสร้าง ค่าแรง ค่างานต้นทุน รวมถึง ค่าใช้จ่ายของผู้รับจ้าง กำหนดราคากลางขึ้นกับพื้นที่
ราคากลางการก่อสร้างภาครัฐ ขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ เพราะต้นทุนมีความแตกต่างกัน และกรณี 4 สมาคมอุตสาหกรรมการก่อสร้างเสนอ ขอให้กรมฯ พิจารณาปรับเพิ่มราคากลางงานก่อสร้างภาครัฐนั้น เรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการกำหนดราคากลางภาครัฐ ซึ่งกำลังพิจารณา และต้องรอการปรับหลักเกณฑ์ของ กรมบัญชีกลางให้เรียบร้อย
ทั้งนี้ 4 สมาคมอุตสาหกรรมการก่อสร้างให้เหตุผลการขอปรับราคากลางในการก่อสร้างว่า ขณะนี้อุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ประสบปัญหาการดำเนินงานก่อสร้าง สืบเนื่องจากการประกาศอัตราค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท และราคาวัสดุก่อสร้างที่ถูกำหนดให้นำมาใช้ในการคำนวณราคากลาง ต่ำกว่าความเป็นจริงมาก คลังยอมรับราคายังไม่สะท้อนต้นทุนเพิ่ม
แม้กรมบัญชีกลาง จัดตั้งคณะทำงานจัดทำ และปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางก่อสร้าง เพื่อร่วมกันพิจารณาหลักเกณฑ์ในการคำนวณราคากลางให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงแล้ว แต่ยังไม่สะท้อนต้นทุนค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น จากสถานการณ์ขาดแคลนแรงงาน ค่าวัสดุก่อสร้างและค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ค่าครองชีพ และค่าเครื่องมือ เครื่องจักรที่เพิ่มขึ้น
ส่วนอัตราค่าแรงที่ใช้ในการคำนวณราคากลางการก่อสร้าง ปัจจุบันกำหนดจากอัตราค่าแรงขั้นต่ำที่รัฐบาลประกาศ จะไม่สามารถปรับขึ้นมากกว่าที่กำหนดได้ รวมถึงราคาน้ำมันที่ใช้ในการก่อสร้าง จะกำหนดราคาที่นำมาคำนวณ ณ วันที่ ประกาศราคากลางในแต่ละพื้นที่ และบางสัญญาอาจกำหนดราคากลางสัญญาแบบปรับราคาได้ หรือค่าเค เช่น กรณีราคาน้ำมัน หรือราคาเหล็กที่ ผันผวน เพื่อให้ผู้รับเหมาได้รับยุติธรรมภาครัฐ อาจปรับขึ้นไม่เกิน 4% แต่กรณีที่ราคาสินค้าปรับลง ต้องปรับลงให้ภาครัฐด้วย เอกชนทิ้งงาน-รัฐเสียหาย
นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น เห็นด้วยที่จะปรับวิธีคำนวณราคากลางใหม่ เพราะวิธีปัจจุบันต่ำมาก และไม่ตรงกับสถานการณ์ เช่น ค่าขนส่ง และค่าความยากง่ายของงานแต่ละโครงการ บางโครงการต้องอาศัยความชำนาญ เพราะมีความซับซ้อน หรือมีอุปสรรคในการก่อสร้างมาก
“หากปรับวิธีคำนวณราคากลางใหม่ จะสร้างแรงจูงใจการเข้าร่วมประมูลงานของเอกชนมากขึ้น หากการประมูลงานของแต่ละโครงการต่ำมาก จะทำให้เอกชนบางรายเมื่อประมูลงานมาได้ระยะหนึ่ง ทิ้งงานสร้างความเสียหายต่อรัฐ”
ภาพรวมธุรกิจรับเหมา-ก่อสร้างปีนี้ เอกชนกำลังรอโครงการใหญ่ (เมกะโปรเจค) ของภาครัฐ หากรัฐอนุมัติปีนี้ แต่ขั้นตอนกว่าจะประมูลเสร็จ คาดจะไปรับรู้กันปี 2559 ดังนั้นภาพรวมอุตสาหกรรมรับเหมา-ก่อสร้างปีนี้อาจไม่เติบโต เมื่อเทียบกับปี 2557 แต่จะไปเติบโตปี 2559 แทน แนะแยกสูตรคำนวณตามความยาก
นายพงษ์สฤษดิ์ ตันติสุวณิชย์กุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท ช.การช่าง กล่าวว่า เห็นด้วยกับการยื่นขอเสนอขอปรับวิธีคำนวณราคากลาง เพราะวิธีคำนวณราคากลางต่ำกว่าความเป็นจริง เช่น บางงานซับซ้อน แต่วิธีการคำนวณราคากลางกลับใช้สูตรเดียวกันหมด ซึ่งไม่เป็นธรรมกับเอกชนที่รับงานโครงการที่มีความยากและซับซ้อน
“การคำนวณราคากลางเพิ่มขึ้นเท่าใด ต้องดูรายละเอียด และความยากง่ายของแต่ละงาน แต่ที่ภาครัฐเข้ามาดูแลเรื่องนี้ จะเป็นแรงจูงใจทำให้เอกชนเข้าร่วมประมูลงานรัฐมากขึ้น”ไม่ได้เสนอ”อัตรา”ขึ้นราคากลาง
นางสาวลิซ่า งามตระกูลพานิช เหรัญญิก สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า 4 สมาคมวิชาชีพเกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง ได้แก่ สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมวิศวกรที่ปรึกษาแห่งประเทศไทย สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ยื่นหนังสือถึงกรมบัญชีกลาง โดยเรียกร้องให้ จัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณราคากลาง งานก่อสร้างของหน่วยงานราชการให้เป็นธรรม
“การยื่นหนังสือดังกล่าว ไม่ได้เสนอตัวเลข หรือกำหนดอัตราการขึ้นราคากลางควรเป็นเท่าไหร่” นางสาวลิซ่า กล่าว ต้นทุนขยับ7%ขึ้นให้แค่2%
งานก่อสร้างมีต้นทุนแรงงานสัดส่วน 20-30% ของมูลค่างาน ขณะที่ค่าแรงขั้นต่ำปรับขึ้น 35-40% เทียบเท่ากับราคากลางที่ควรปรับขึ้นอย่างน้อย 7% แต่รัฐบาลปรับขึ้นราคากลางเฉลี่ย 2% บางงานราคากลางขึ้นไม่ถึง 2% โดยราคากลางที่ใช้ปัจจุบันประกาศใช้มาตั้งแต่เดือนเม.ย. 2556
หากโครงการภาครัฐมีราคากลางเป็นธรรม จะมีผู้เข้าร่วมประมูล ผู้ประกอบการก็อยู่รอดได้ ถ้ารัฐไม่ปรับราคากลางให้ เป็นธรรม ผู้ประกอบการที่ก็ไม่เข้าประมูล ส่งผลกระทบต่อการเบิกจ่ายงบของรัฐ กระทบแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ เชื่อแก้ปัญหาคอร์รัปชัน
นอกจากนี้ สมาคมก่อสร้างฯ ยังต้องการเห็นการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันในธุรกิจนี้ โดยผลักดันให้เกิด “สภาการก่อสร้าง” มีการคำนวณราคากลางให้เป็นธรรม มีการปรับปรุง Factor F (เกณฑ์การประเมินราคาก่อสร้าง) ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2550
ราคากลางที่สมเหตุสมผล จะช่วยลดปัญหาทุจริตได้มาก จากงานวิจัยในต่างประเทศพบว่า ส่วนหนึ่งของปัญหาทุจริตในภาคก่อสร้างภาครัฐ เกิดจากราคากลางที่ต่ำเกินจริง และ ข้อเท็จจริงสัญญางานภาครัฐเป็นสัญญาแบบปรับราคาได้ มีค่า K อยู่แล้ว จึงควรปล่อยไปตามกลไก เมื่อต้นทุนพลังงานลดก็คิดค่า K ลดลง
นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) กล่าวว่า หากราคากลางต่ำมาก รัฐอาจเผชิญปัญหาการทิ้งงานกลางคัน เพราะผู้รับเหมาแบกรับต้นทุนไม่ไหว ขณะที่ราคากลางสูงผิดปกติ อาจเป็นช่องทางให้เกิดการ “ฮั้ว” ประมูล และเกิดการคอร์รัปชันตามมา
นอกจากนี้ ต้องการให้ภาครัฐมีการตั้ง “คณะกรรมการขึ้นราคากลาง” ดูแลข้อมูลให้ทันสมัยก่อสร้างยังซึมคาดทั้งปีทรงตัว
นายกฤษดา จันทร์จำรัสแสง เลขาธิการสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ต้องการให้รัฐกำหนดมาตรฐานวัสดุก่อสร้างสำหรับการประมูลให้ชัดเจน เพื่อเอื้อต่อการกำหนดราคากลางที่เป็นจริงสูงสุด
“แต่ละปีรัฐมีการลงทุนและจัดซื้อ จัดจ้างเป็นมูลค่าหลายแสนล้านบาท หากกำหนดมาตรฐานได้ ช่วยให้คำนวณราคากลางที่แท้จริงได้”
ภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างอยู่ในภาวะซึมไปจนถึงครึ่งปีแรก โดยจะปรับตัวดีขึ้น ครึ่งปีหลัง จากโครงการลงทุนต่างๆ ที่ทยอยออกมา จึงคาดการณ์ทั้งปีก่อสร้างจะไม่โตขึ้นกว่าปีก่อน ที่มีมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 9 แสนล้านบาท แต่ปี 2559-2560 จะกลับมาสดใสได้อีกครั้ง
“ปีนี้ก่อสร้างคงไม่โต ตอนนี้คอนโดมิเนียมหลายโครงการ หยุดก่อสร้าง และสัดส่วนอุตสาหกรรมปีนี้การลงทุนจากภาครัฐจะมากกว่า แต่น่าจับตาคือเมกะโปรเจคของรัฐที่ให้จีนดำเนินการ ทำให้ปีนี้ภาคก่อสร้างจะเหนื่อยกว่าปีก่อน”
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ