กรมธนารักษ์กำลังจัดทำการสำรวจและประเมินราคาที่ดินใหม่ และคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ใน ปี 2559 ทำให้มีการเก็งกันว่าราคาประเมินที่จะปรับตัวสูงขึ้น
และอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้เริ่มมีประชาชนทั้งชาวไทยและ ต่างชาติ สนใจที่จะประมูลซื้อสินทรัพย์จากกรมบังคับคดีมากขึ้น
สำหรับต่างชาตินั้น น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี ระบุว่า จะซื้อได้เพียงคอนโดมิเนียมเท่านั้น เพราะกฎหมายอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาซื้อได้ โดยจะถือครองสินทรัพย์ได้ไม่เกิน 49% ของอัตราส่วนพื้นที่ขายทั้งหมด
อธิบดีกรมบังคับคดี กล่าวว่า ต่างชาติที่สนใจประมูลทรัพย์ของกรมบังคับคดีส่วนใหญ่เป็นบุคคลธรรมดาที่ต้องการที่พักอาศัยในไทย ทำเลคอนโดมิเนียมที่สนใจมีทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดในแหล่ง ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น พัทยา หัวหิน เป็นต้น
การขายทรัพย์สินของกรม บังคับคดีนั้น ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2558 (ต.ค.-ธ.ค. 2557) สามารถที่จะผลักดันทรัพย์ได้ 2.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งในไตรมาส 2 (ม.ค.-มี.ค. 2558) ตั้งเป้าหมายผลักดันทรัพย์ให้ได้ 1.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งล่าสุดสามารถผลักดันสินทรัพย์ได้แล้ว 1.2 หมื่นล้านบาท และคาดว่าทั้งปีตั้งเป้าหมาย ผลักดันทรัพย์ให้ได้ 1 แสนล้านบาท
สำหรับสินทรัพย์ที่อยู่ในกระบวนการขายทอดตลาด 96,017 รายการ คิดเป็นทุนทรัพย์ 199,876 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นที่ดินว่างเปล่า 32,216 รายการ เป็นทุนทรัพย์ 79,124 ล้านบาท คิดเป็น 33.55% ของสินทรัพย์ทั้งหมด ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 52,659 รายการ คิดเป็นทุนทรัพย์ 61,612 ล้านบาท คิดเป็น 54.84% ห้องชุดจำนวน 11,142 รายการ คิดเป็นทุนทรัพย์ 59,139 ล้านบาท คิดเป็น 11.61%
ในขณะเดียวกันกรมบังคับคดีอยู่ระหว่างการจัดทำคู่มือแบบฟอร์มและเอกสารต่างๆ รวมทั้งกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เป็นภาษาอังกฤษและภาษาประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกัน เช่น ภาษาลาว ภาษากัมพูชา และภาษายาวี เป็นต้น และประมาณกลางเดือน ก.ค.นี้ ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในการประชุมผู้บริหารด้านการบังคับคดีอาเซียน เพื่อที่จะเชิญหน่วยงานกรมบังคับคดีในกลุ่มประเทศอาเซียนมาแลกเปลี่ยน ความรู้