นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานกรรมการผู้จัดการบริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ C1 เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ยังคงทรงตัว
ยังต้องระมัดระวังเรื่องการลงทุน เพราะเศรษฐกิจโลกยังไม่ดีขึ้น สำหรับแผนดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการต่อเนื่อง รวมมูลค่า 6,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียมที่กรุงเทพฯ และชะอำ 2 โครงการ, การพัฒนาโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต เฟส 2 รวมถึงการร่วมทุนพัฒนาโครงการ “บางนา บีช คลับ” ที่ จ.พังงา กับบริษัท จุนฟา เรียลเอสเตท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาฯ อันดับ 1 ในมณฑลยูนานประเทศจีนด้วย ได้ก่อตั้งบริษัท อิสสระจุนฟา จำกัด ขึ้นมาพัฒนาโครงการ ด้วยทุนจดทะเบียน 420 ล้านบาท โดยกลุ่มชาญอิสระถือหุ้น 70% และกลุ่มจุนฟาถือ 30%
“การที่บริษัทตัดสินใจร่วมทุนกับกลุ่มทุนจีนในครั้งนี้ ถือเป็นการต่อยอดธุรกิจของบริษัทเพื่อดึงฐานลูกค้าระดับไฮเอนด์จากประเทศจีนเข้ามาลงทุนซื้อสังหาฯในเมืองไทย
ทั้งนี้ บริษัทยังได้ปรับโครงสร้างบริษัทใหม่ โดยได้ตั้งบริษัทรับบริหารโรงแรมเพิ่มอีก 1 ธุรกิจ เพื่อบริหารโรงแรมทั้งในและต่างประเทศ โดยภายใน 1-2 ปีนี้ มีแผนขยายธุรกิจรับบริษัทโรงแรมออกสู่ต่างประเทศ โดยเริ่มจากประเทศจีนเป็นประเทศแรก ในส่วนแผนทางการเงิน บริษัทมีแผนที่จะแนะนำโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ตเฟส 2 ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดจะแล้วเสร็จในเดือน ก.ย.นี้ ขายเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ (REIT) มูลค่า 1,000 ล้านบาท โดยจะพยายามขายให้ทันภายในไตรมาส 4 ปีนี้ นอกจากนี้ บริษัท ยังมีความสนใจที่จะลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาฯ ระดับไฮเอนด์ ในประเทศพม่า โดยเริ่มแรกจะลงทุนในรูปแบบร้านอาหารก่อน ด้วยการนำร้านอาหารญี่ปุ่นในแบรนด์ “ฮิดะ ยากินิคุเดต” ไปปูทางชิมลางก่อนที่จะเข้าไปพัฒนาโครงการอสังหาฯ ในอนาคต