ผ่านปี 2558 มาได้เดือนเศษ หากประเมินสภาพธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ณ วันนี้ คงบอกได้ว่าไม่ได้แตกต่างอะไรกับปีที่ผ่านมามากนัก
แม้จะมีความหวังว่าเมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะฟื้นตัวตามเศรษฐกิจของประเทศ แต่ถึงวันนี้สัญญาณฟื้นตัวยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม
บาทแม้ว่ารัฐบาลจะประกาศว่า การจับจ่ายใช้สอย การบริโภคในประเทศเริ่มดีขึ้น การลงทุนจากการอนุมัติของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนมีจำนวนเพิ่มขึ้น ขณะที่ภาครัฐได้เร่งรัดการเบิกจ่ายเงินลงทุน แต่การจะผลักดันให้เศรษฐกิจเดินหน้าคงต้องใช้เวลาอีกระยะ ซึ่งสะท้อนกลับมายังตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 1 เดือนเศษที่ผ่านมาที่ยังอยู่ในอาการทรงตัว
อธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ประเมินตลาดในรอบเดือนที่ผ่านมา ว่า ภาวะการซื้อขายบ้านจัดสรรถือว่ากลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ก็ไม่ได้ดีมาก ถือว่าอยู่ในช่วงฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป
ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อธุรกิจอสังหาริมรัพย์ คือ เรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องหลัก ที่จะต้องให้เห็นการฟื้นตัวที่เป็นรูปธรรม แต่ในเวลานี้ถือว่ายังไม่เข้าสู่ช่วงขาขึ้นของเศรษฐกิจไทย เพียงแค่ทรงตัวหรือแค่ประคองตัวได้เท่านั้น
ขณะที่ปัจจัยที่สนับสนุน เช่น อัตราดอกเบี้ย จะทรงตัวหรืออาจจะลดลงได้เล็กน้อย ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้ซื้อ แต่ต้นทุนด้านอื่นไม่ได้ลดลง เช่นเดียวกับราคาน้ำมันที่ลดลง ทำให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น แต่ผู้บริโภคก็ไม่ได้จับจ่ายเต็มที่นัก
ทางด้านจำนวนโครงการใหม่ที่เข้าสู่ตลาด แม้ว่าบริษัทใหญ่จะประกาศแผนการลงทุนกันอย่างคึกคัก แต่ในช่วงเดือน ม.ค. เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งเป็นช่วงที่อุณหภูมิการเมืองกำลังเข้าช่วงพีก แต่ในปีนี้การเปิดตัวโครงการใหม่กลับลดลง
สัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยว่า คอนโดมิเนียมเปิดใหม่ในช่วงเดือน ม.ค. ปีนี้ มีจำนวน 1,400 หน่วย ลดลงจากเดือน ม.ค.ปีก่อน ที่มีคอนโดใหม่จำนวน 5,000 หน่วย ขณะที่โครงการบ้านจัดสรรเปิดใหม่เดือน ม.ค. ปีนี้ 2,000 หน่วย ลดลงเล็กน้อยจากเดือน ม.ค.ปีที่แล้ว ที่มีจำนวน 2,600 หน่วย
“ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงเดือนเศษที่ผ่านมาถือว่ายังเงียบอยู่ เพราะเป็นช่วงต้นปีที่การซื้อขายน้อยเป็นปกติอยู่แล้ว” สัมมา กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยังเชื่อว่า ตลาดในปีนี้จะฟื้นตัวดีขึ้นกว่าปีก่อนแน่นอน อนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) มองว่า ปีนี้ความต้องการซื้อจะดีขึ้นกว่าปีที่แล้วแน่นอน เพราะเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น แต่การแข่งขันจะมากแค่ไหนขึ้นอยู่กับจำนวนโครงการที่จะเข้าสู่ตลาด ซึ่งประเมินยังไม่ได้
ขณะที่ยอดขายในเดือน ม.ค. ของบริษัทถือว่ามียอดขายดีที่สุด โดยที่บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์มียอดขาย 1,037 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 83% จากเดือน ม.ค.ปีก่อน ส่วนคอนโดมิเนียมมียอดขาย 514 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 187% ส่วนหนึ่งจากกำลังซื้อที่ฟื้นตัวขึ้น แต่ประเด็นหลักจริงๆ ที่ทำให้ยอดขายที่ดีอยู่ที่การทำการบ้านของทีมงาน เพื่อเร่งการขายตั้งแต่ต้นปี และเชื่อว่าการแข่งขันในแต่ละทำเลยังคงรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าสภาพตลาดจะยังทรงๆ ตัว แต่เชื่อว่าผู้ประกอบการคงจะไม่นิ่งเฉย เพราะยังเชื่อมั่นว่า ความต้องการซื้อบ้านที่เป็นเรียลดีมานด์ยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง ประกอบกับสถานการณ์ที่อยู่ในภาวะปกติ แตกต่างกับปีก่อนที่สถานการณ์การเมืองที่คุกรุ่นได้บั่นทอนความมั่นใจในการซื้อจนไม่สามารถทำอะไรได้ ดังนั้นการออกหมัดปล่อยแคมเปญการตลาดเพื่อสร้างบรรยากาศดึงยอดขายจากเรียลดีมานด์ตุนใส่กระเป๋า จึงเป็นเรื่องที่ต้องทำ เพราะไม่แน่ว่าสถานการณ์การเมืองจะกลับมาร้อนระอุได้อีกในช่วงปลายทางของรัฐบาล คสช.
อีเวนต์ใกล้ตัวที่สุดเวลานี้ คือ เทศกาลวาเลนไทน์-ตรุษจีน ที่หลายค่ายเริ่มลอนช์แคมเปญออกมาแล้ว เช่น บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ออกแรงกระตุ้นกำลังซื้อเรียลดีมานด์ตั้งแต่ต้นปี ในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์และตรุษจีน ด้วยโปรโมชั่นพิเศษลด-แถมสูงสุด 3 แสนบาท บริษัท ดี-แลนด์ กรุ๊ป เปิดแคมเปญ “จองบ้านรับทอง ฉลองตรุษจีน” ทำสัญญาจองบ้าน รับทองคำมูลค่ารวม 1 แสนบาท
บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จัดอีเวนต์ในเดือนแห่งความรัก ด้วยโปรโมชั่นจองเท่าไหร่ ลดเท่านั้น ลดราคาสูงสุดกว่า 2.2 ล้านบาท ขณะที่บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท ทำตลาดออนไลน์ ด้วยการเปิดจองบ้านยูนิตพิเศษ แปลงพิเศษ ในราคาลดพิเศษ บางแปลงลดถึง 9 แสนบาท ขณะที่ บริษัท แสนสิริ ที่จัดงาน “Pay Less Get More” นำ 8 โครงการจัดโปรโมชั่นที่ภูเก็ตในราคาพิเศษ เป็นต้น
เปิดเกมชิงเก็บเบี้ยใต้ถุนร้านกันตั้งแต่เริ่มต้น ดีกว่าที่ต้องไปเร่งสปีดกันในช่วงปลายที่ยังไม่มีอะไรที่แน่นอน