ผู้พัฒนานิคมฯ ไม่สน ทำธุรกิจในเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ชี้ยังไม่จูงใจ ตลาดไม่ชัด
นางอัญชลี ชวนิชย์ นายกสมาคมนิคมอุตสาหกรรมไทย เปิดเผยว่า การลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนยังมีสิทธิประโยชน์ไม่จูงใจมากพอให้เข้าไปพัฒนานิคมอุตสาหกรรม
เพราะ โดยปกติการพัฒนาพื้นที่นิคมฯ จะต้อง มีลูกค้ารองรับ มีตลาดชัดเจน ดังนั้น จึงเห็นว่าน่าจะเป็นโอกาสของนักลงทุนท้องถิ่นที่มีความคุ้นเคยในพื้นที่อยู่แล้ว และช่วงแรกการทำนิคมฯ อาจเป็นหน้าที่ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)
ทั้งนี้ เอกชนมองว่าการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษจำเป็นต้องมีจุดดึงดูดการลงทุน มีผังเมืองที่เหมาะสม รูปแบบการใช้ที่ดินต้องแตกต่างจากพื้นที่ปกติ จึงจะทำให้นักลงทุนสนใจเข้าไปพัฒนาพื้นที่
“เอกชนยังไม่กล้าเข้าไปลงทุน เพราะพื้นที่ยังไม่ติดตลาด คนยังไม่รู้จัก ส่วน นักลงทุนท้องถิ่นน่าจะพร้อมมากกว่า เพราะ
รู้เรื่องที่ดิน น้ำ ไฟฟ้า และรู้จักตลาดมากกว่า แต่สิ่งที่จะเกิดแน่ๆ ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ คือ โลจิสติกส์ การค้าชายแดน และการทำคลังสินค้า” นางอัญชลี กล่าว
ขณะที่การลงทุนด้านนิคมฯ บริการ หรือนิคมโลจิสติกส์นั้น ผู้พัฒนานิคมฯ จะเน้นเรื่องขนาด ซึ่งการพัฒนาให้ถึงจุด คุ้มทุนจะต้องใช้พื้นที่ 500 ไร่ขึ้นไป แต่ นิคมฯ บริการยังมีขนาดเล็ก จึงเป็นโอกาสของนักลงทุนท้องถิ่นเช่นเดียวกัน หรือหากมีนักลงทุนจากนอกพื้นที่เข้าไป ก็ต้องเป็นพันธมิตรกับคนท้องถิ่น ดังนั้นจึงเห็นว่าการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ จะต้องทำให้นักลงทุนท้องถิ่นได้รับ ผลประโยชน์สูงสุด
นางอัญชลี กล่าวต่อถึงแนวโน้มการออกไปลงทุนทำนิคมอุตสาหกรรมในประเทศกลุ่มอาเซียน ว่า ตอนนี้ผู้พัฒนานิคมฯ ทุกรายพยายามมองหาลู่ทางการลงทุน แต่การทำนิคมฯ ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากการทำระบบโครงสร้างพื้นฐานในต่างประเทศเป็นเรื่องยาก อีกทั้งต้องคำนึงถึงนโยบายของรัฐบาลแต่ละประเทศ ความคุ้นเคยกับคนในพื้นที่ ขณะที่การเข้าถึงชุมชนก็เป็นเรื่องยากสำหรับผู้ประกอบการต่างชาติที่จะไปลงทุน
นอกจากนี้ ที่ผ่านมาทางการพม่าได้เชิญชวนให้ผู้พัฒนานิคมฯ เข้าไปตั้งนิคมฯ ในพม่า ซึ่งทางญี่ปุ่น และผู้พัฒนานิคมฯ ของสิงคโปร์ แสดงความสนใจไปลงทุน ขณะที่ฝ่ายไทยยังต้องศึกษาตลาดและ รอจังหวะที่เหมาะสมก่อนไปลงทุน