ข่าวดีหนุนหุ้นบ้านและที่ดิน ทั้งดอกเบี้ย-เงินเฟ้อต่ำ น้ำมันร่วง ด้าน QH พาโรดโชว์นักลงทุนสิงคโปร์
ภายหลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ได้แถลงตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไป เดือน ธ.ค.อยู่ที่ 0.60% นับว่าต่ำสุดในรอบ 62 เดือน
และต่ำกว่าเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 1.26% ทำให้เงินเฟ้อทั่วไปทั้งปี 2557 อยู่ที่ 1.89% เท่านั้น รวมถึงราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกรูดลงต่อเนื่องจนหลุดระดับ 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จึงคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2% ตลอดปี 2558 ขณะที่เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณการฟื้นตัวชัดเจนจนคาดว่าในปีนี้จะมีโอกาสขยายตัวถึง 4%
นางสุวรรณา พุทธประสาท รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) เปิดเผยว่า ปี 2558 ถือว่าเป็นปีที่ดีของหุ้นอสังหาริมทรัพย์ เพราะอัตราเงินเฟ้อและราคาน้ำมันต่ำจะทำให้ราคาวัสดุก่อสร้างไม่ขึ้นราคา ซึ่งจะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) ดีขึ้น ขณะที่ดอกเบี้ยต่ำจะทำให้กำลังซื้อและการขอสินเชื่อของผู้ซื้อต่อสถาบันการเงินดีขึ้นด้วย
สำหรับ QH ได้นำปัจจัยบวกและแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ไปนำเสนอข้อมูลต่อนักลงทุนที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งจัดโดยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระหว่างวันที่ 7-8 ม.ค.นี้ ซึ่งในปีนี้มองว่ายอดพรีเซลจะเติบโตประมาณ 20-25% จากปีที่ผ่านมา ส่วนรายได้จะอยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีโครงการรอรับรู้รายได้ (Backlog) ในส่วนของคอนโดมิเนียมที่เตรียมจะโอนจำนวน 5,500 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นจากแผนการเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีกกว่า 30 โครงการ มูลค่า 4 หมื่นล้านบาท
ด้าน นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ดีบีเอส วิค เคอร์ส กล่าวว่า บริษัทได้พาบริษัทจดทะเบียน (บจ.) 6-7แห่ง ไปพบนักลงทุนที่สิงคโปร์ เช่น QH บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA) เป็นต้น
ทั้งนี้ บล.เอเซีย พลัส (ASP) ออกบทวิเคราะห์ระบุว่า เงินเฟ้อทั่วไป ปี 2557 อยู่ที่ 1.89% ต่ำกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้ว่าจะอยู่ที่ 2.4% จึงคาดว่าเงินเฟ้อในปีนี้ยังมีแนวโน้มชะลอตัว และน่าจะขยายตัวได้ไม่เกิน 2% ตราบที่ราคาน้ำมันดิบโลกเคลื่อนไหวในช่วง 50-60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) น่าจะยังคงยืนดอกเบี้ยนโยบายระดับต่ำ 2% ต่อไปอีกอย่างน้อย 6 เดือนข้างหน้า หรือตลอดทั้งปี 2558 จากเดิมที่เคยคาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2558 และถือว่าสอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยของประเทศเพื่อนบ้านที่ส่วนใหญ่นำเข้าน้ำมันดิบเช่นประเทศไทยที่จะตรึงดอกเบี้ยที่ระดับเดิมไปอีกสักระยะหนึ่ง จึงเป็นปัจจัยเดียวที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดหุ้นของประเทศได้
ฝ่ายวิจัยของ บล.เคเคเทรด ระบุว่า หุ้นในกลุ่มบ้านและที่ดินจะมีกำไรเติบโตดีและให้ผลตอบแทนเงินปันผลในระดับ 4-5% เมื่อราคาหุ้นปรับตัวลดลงมา เช่น บริษัท แสนสิริ (SIRI) คาดให้ผลตอบแทนปันผล 5.6% QH 4.7% และบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) หรือ AP ประมาณ 4.1% โดยทั้งสามบริษัทมีนโยบายการจ่ายปันผลปีละ 1 ครั้ง ยกเว้น AP ที่มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลเป็นหุ้นปันผล
นอกจากนี้ บริษัทอสังหาฯ ที่จะมีกำไรงวดไตรมาส 4 เติบโตสูงที่สุดของปี 2557 และเติบโตมากกว่ากลุ่ม มี 5 บริษัท คือ พฤกษา เรียลเอสเตท (PS), SIRI, บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN), บริษัท ศุภาลัย (SPALI) และบริษัท แลนด์ แอนด์เฮ้าส์ (LH) โดย LPN จะมีการบันทึก รายได้เพิ่มจากโครงการ 3 แห่ง เข้ามา SIRI มี 9 โครงการ SPALI มี 2 โครงการ PS มี 4 โครงการ และ LH มี 2 โครงการ รวมถึงการบันทึกกำไรจากการขายกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (REIT) จากโครงการ Terminal 21
เงินเฟ้อและราคาน้ำมันต่ำ จะทำให้ราคาวัสดุก่อสร้างไม่ปรับขึ้นราคา จะส่ง ผลให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น ขณะที่ดอกเบี้ยต่ำจะทำให้กำลังซื้อและการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินดีขึ้นด้วย
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์