“บิ๊กตู่” ไฟเขียว แผนลงทุนสนามบินใหญ่-กลาง-เล็ก 39 แห่ง ระยะ 10 ปี 4.6 แสนล้านบาท ดันไทยเป็นศูนย์กลางการบิน เล็งศึกษาแก้กฎหมายเปิดช่องต่างชาติถือหุ้นเกิน 49%
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดิน เชิงยุทธศาสตร์ หรือ มินิคาบิเนต ว่า ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการพัฒนาท่าอากาศยานของประเทศไทย เพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมท่าอากาศยาน ซึ่งการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
“ที่ประชุมมีมติให้เร่งรัดจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมอากาศยาน ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 7 ก.พ.60 โดยกระทรวงอุตสาหกรรมจะเสนอรายชื่อรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นรองประธาน เป็นต้น โดยจะเสนอให้นายกรัฐมนตรีลงนามเห็นชอบภายในสัปดาห์หน้า”
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบแผนการลงทุน ประกอบด้วยพัฒนาสนามบินหลักของประเทศ 3 แห่ง วงเงิน 3.2 แสนล้านบาท แบ่งเป็นสุวรรณภูมิ 1.37 พันล้านบาท ดอนเมือง 3.5 พันล้านบาท อู่ตะเภา 1.4 แสนล้านบาท โดยอู่ตะเภาโครงการส่วนใหญ่เป็นการลงทุนร่วมกันระหว่างรัฐกับเอกชน (PPP) ทั้งนี้คาดว่าในอีก 10 ปี สามารถรองรับจำนวนผู้โดยสาร 160 ล้านคนต่อปี
สนามบินหลักของภูมิภาค 10 แห่ง วงเงิน 7 หมื่นล้านบาท คาดว่าในอีก 10 ปี สามารถรองรับจำนวนผู้โดยสาร 89 ล้านคนต่อปี และ สนามบินเล็กของจังหวัด 26 แห่ง วงเงิน 1.6 หมื่นล้านบาท คาดว่าในอีก 10 ปี สามารถรองรับจำนวนผู้โดยสาร 28 ล้านคนต่อปี ทั้งนี้รวมทั้งหมดทำสามารถดูแลนักท่องเที่ยวได้เพิ่มขึ้นทั้งประเทศจาก 130 ล้านคนต่อปี เป็น 277 ล้านคนต่อปี
นอกจากนี้ที่ประชุมเห็นชอบเพิ่มเติมแนวทางให้เอกชนเข้ามาร่วมพัฒนาสนามบินขนาดเล็ก ได้แก่ แพร่ แม่ฮ่องสอน ปาย ตาก เพชรบูรณ์ แม่สะเรียง ปัตตานี นครราชสีมา หัวหิน เบตง ชุมพร โดยให้เอกชนเข้ามาร่วมพัฒนาบริหารจัดการ หรือ ใช้เป็นกิจกรรมเฉพาะ อาทิ โรงเรียนฝึกบิน ศูนย์ซ่อมอากาศยาน
“ขณะเดียวกันจะมีการเร่งประกาศให้อู่ตะเภา เป็นเขตส่งเสริมเมืองการบินภาคตะวันออกและเร่งโครงการต่างๆ เช่น พื้นที่ฟรีเทรดโซน รันเวย์แห่งที่ 2 รวมทั้งให้ AOT ดำเนินการธุรกิจให้มากขึ้น เช่น โรงแรม และอื่นๆ อย่างครบวงจร”
ด้านการพัฒนา Aviation Cargo ให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าของ CLMV โดยจะทำให้ขยายการขนส่งสินค้าได้ 3 ล้านตันต่อปี จาก 1.3 ตันต่อปี โดยที่ประชุมให้แนวทางให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ปลอดในอนุญาตเพื่อแข่งขันกับฮ่องกงและสิงคโปร์ เพื่อส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางกระจายสินค้า โดยการแก้กฎหมายศุลกากรที่เกี่ยวข้องและการออกกฎหมายเขตพิเศษศุลกากร
ขณะที่การพัฒนาศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO) จะขยายพื้นที่ในเขตอู่ตะเภา ไม่ต่ำกว่า 600 ไร่ จากพื้นที่ทั้งหมด 1.5 หมื่นไร่ เป็นพื้นที่รองรับ MRO ทำให้เป็น MRO ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนและทันสมัยที่สุดในเอเชีย
“โดยจะมีการแก้กฎหมายการเดินอากาศ เพื่ออนุญาตให้ผู้ผลิตอากาศยานและส่วนประกอบอากาศยาน รวมไปถึงการขอใบอนุญาตหน่วยซ่อมประเภทที่ 1 เพื่อบำรุงรักษาอากาศยานทั้งลำ เพื่อผ่อนปรนกฎหมายให้ต้องมีบุคคลสัญชาติไทยไม่น้อยกว่า 51 % ของทุนทั้งหมด และอำนาจบริหารจัดการต้องอยู่ในอำนาจการบริหารของบุคคลที่มีสัญชาติไทย”
ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอากาศยาน ปัจจุบันมีผู้ผลิต 5 ราย เช่น แอร์บัส โบอิ้ง เป็นต้น ในอนาคตจะเปิดโอกาสให้บริษัทรายย่อยให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ปัจจุบันมีบริษัทชิ้นส่วนอากาศยานลงทุนในประเทศไทย 22 บริษัท วงเงินกว่า 8,561 ล้านบาท
นายอุตตมกล่าวเพิ่มเติม ว่าสำหรับประเด็นการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวนั้น เป็นเพียงการรับทราบแนวทางเท่านั้น โดยหลังจากนี้จะมีการหารือกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง
ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ