รับผิดชอบค่าส่วนกลางค้างชำระ หวังทะลวงท่อขายห้องชุดบังคับคดี 62,000 ล้านบาท หนุนระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนมากขึ้น
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติในหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในส่วนของการบังคับคดี โดยมีสาระสำคัญคือกำหนดให้ผู้ซื้อห้องชุดจากการขายทอดตลาด ไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนกลางที่เจ้าของเดิมค้างชำระ ก่อนการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ เนื่องจากเป็นความรับผิดชอบเจ้าของเดิม โดยนิติบุคคลอาคารชุดสามารถใช้สิทธิ์ในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิเหนือห้องชุดเพื่อขอรับการชำระหนี้จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดได้
ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีทรัพย์สินประเภทห้องชุด อาคารชุด หรือคอนโดมิเนียม ที่ผู้ซื้อไม่มีกำลังจ่ายเงิน ค้างค่างวด และคต่าบริการส่วนกลาง สุดท้ายต้องถูกฟ้องร้อง บังคับคดี โดยจากการสำรวจพบว่า มีทรัพย์สินประเภทห้องชุดที่ยังคงค้างดำเนินการอยู่ในชั้นบังคับคดี โดยจากการสำรวจพบว่า มีทรัพย์สินประเภทห้องชุดที่ยังคงค้างดำเนินการอยู่ในชั้นบังคับคดี ที่เจ้าหนักงานบังคับคดียึดไว้จำนวน 14,287 รายการ คิดเป็น 8.4% ของทรัพย์ที่ยึดไว้ทั้งหมด มีราคาประเมินทั้งหมดซึ่งห้องชุดที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้มักไม่เป็นที่สนใจของตลาดเท่าที่ควร เพราะผู้ซื้อจะต้องรับผิดชอบในค่าภาระส่วนกลางค้างชำระ
ส่วนห้องชุดที่เคาะขายทอดตลาดไปแล้วมักมีปัญหาในขั้นตอนกหารโอนกรรมสิทธิ์ เพราะผู้ซื้อไม่สามารถนำใบปลอดหนี้จากนิติบุคคลอาคารชุดไปจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดินได้ เนื่องจากสาเหตุหลายประการ เช่น ไม่มีนิติบุคคลอาคารชุดที่จะออกใบปลอดหนี้ให้ได้หรือหนี้ค่าภาระส่วนกลางค้างชำระมีจำนวนสูงเกินควร ซึ่งผู้ซื้ออาจจะไม่ทราบว่ามีค่าส่วนกลางที่ค้างชำระ เมื่อลดปัญหาเหล่านี้ไปได้ การซื้อขายห้องชุดจะดำเนินการได้รวดเร็วขึ้น จะช่วยให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจจากการซื้อขายห้องชุดได้มากขึ้น
นอกจากนี้ นครม.ยังอนุมัติในหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม โดยสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัตินี้ได้กำหนดประเภทของทรัพย์ที่อยู่ในความรับผิดแห่งหารบังคับคดี ครอบคลุม นอกเหนือจากบ้าน ที่ดิน เงิน ทอง แล้ว ยังรวมอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีรูปร่างซึ่งมีมูลค่าทางเศรษฐกิจ เช่น หุ้น สิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า สัญญาซื้อขายทองล่วงหน้าด้วย ขณะเดียวกันยังกำหนดการใช้สิทธิของผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี โดยแยกประเภทของผู้มีส่วนได้เสียอย่างชัดเจน ได้แก่ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ลูกหนี้ตามคำพิพากษาผู้ร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ เจ้าหนี้บุริมสิทธิหรือบุคคลที่มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับทรัพย์ที่ถูกบังคับคดี รวมทั้งกำหนดให้อำนาจการบังคับคดีและความรับผิดของเจ้าหนักงานบังคับคดี ซึ่งจำเป็นต้องอยู่ภายใต้การตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายและดุลพินิจโดยศาลยุติธรรมเท่านั้น ไม่อาจถูกฟ้องให้ต้องรับผิดต่อศาลปกครองได้ และลดขั้นตอนให้ระยะเวลาในการบังคับคดีมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น เช่น การขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี ไม่จำเป็นต้องได้รับการอนุญาตจากศาลก่อน โดยขั้นตอนการดำเนินการเฉลี่ยปกติจะใช้เวลา 1-1.5 ปี หรือกว่า 450 วัน ทั้งนี้ ร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ จะให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติหรือวิปพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ต่อไป
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรั