“เรดดี้แพลนเน็ต” ขยายแนวรุกเจาะตลาดท่องเที่ยว-โรงแรม ผนึก “อีแทรเวลมาร์เก็ตติ้ง” ชูโซลูชั่นการตลาดออนไลน์ครบวงจร ดึงผู้ประกอบการอัพเกรดระบบขายห้องพัก มั่นใจรักษาเป้าโต 40% ได้อีกปี
นายทรงยศ คันธมานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรดดี้แพลนเน็ต จำกัด กล่าวว่า ในปี 2559 ที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้เติบโตขึ้น 40% ที่ 400 ล้านบาท มีลูกค้า 17,000 ราย กระจายอยู่ในทุกอุตสาหกรรม แต่มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญใน 3 อุตสาหกรรม ได้แก่ 1.ธุรกิจส่งออก หลังรุกตลาดมากขึ้น โดยร่วมกับอาลีบาบา 2.ธุรกิจค้าปลีก และ 3.ธุรกิจท่องเที่ยว โดยให้บริการ 3 ส่วน คือ 1.บริการเว็บไซต์สำเร็จรูปและโมบายแอปพลิเคชั่น พร้อมใช้ 2.บริการโฆษณาออนไลน์ครบวงจร และ 3.บริการคอร์สอบรมด้านการตลาดดิจิทัล
ล่าสุดเข้าไปลงทุนในบริษัท e-Travel Marketing ถือหุ้น 52% เพื่อนำความเชี่ยวชาญของ e-Travel Marketing มาช่วยจัดการกับความท้าทายของผู้ประกอบการโรงแรมที่ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดสูงกว่า 6.4 แสนล้านบาท และการเติบโตของการให้บริการที่พักเพิ่มขึ้นจากปี 2558 ถึง 11.48%
“อีแทรเวลมาร์เก็ตติ้งมีความเชี่ยวชาญการทำตลาดออนไลน์สำหรับกลุ่มธุรกิจโรงแรม ขณะที่เราเองมีเครื่องมือและเทคโนโลยีต่าง ๆ ทั้งเว็บไซต์, โมบายแอป รวมถึงพาร์ตเนอร์ จึงน่าจะเสริมศักยภาพระหว่างกันได้ กลุ่มโรงแรมนอกจากใช้ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งเป็นกลุ่มแรก ๆ แล้ว ท่องเที่ยวยังเป็นตัวทำรายได้เข้าประเทศ ถ้าเรามีส่วนสนับสนุนธุรกิจกลุ่มนี้ได้ก็เท่ากับสนับสนุนธุรกิจที่ทำให้ประเทศดีขึ้น”
นายทรงยศกล่าวต่อว่าปีนี้ตั้งเป้าเติบโต40% มีรายได้ที่ 560 ล้านบาท ซึ่งเทรนด์ที่ธุรกิจต้องใช้สื่อดิจิทัลเพิ่มขึ้น ทำให้ธุรกิจเติบโต 30% อยู่แล้ว แต่บริษัทน่าจะโตได้ถึง 40% โดยในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมารักษาระดับการเติบโตในระดับนี้ได้โดยตลอด ขณะที่จำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น 10-20%
“ภาพรวมธุรกิจออนไลน์ในไทยยังเติบโตแต่การแข่งขันก็สูงขึ้น เนื่องจากตลาดใหญ่ขึ้น ประเทศไทยเป็นที่หมายตาของนักลงทุนต่างประเทศ คนที่จะอยู่รอดและขยายธุรกิจได้ต้องมีเทคโนโลยี บุคลากร มีความรู้ประสบการณ์ เป็นยุคของมืออาชีพแม้คู่แข่งจะเยอะขึ้น แต่ส่วนใหญ่ทำเฉพาะเรื่อง คนที่ทำครบทุกด้านเหมือนเรามีไม่มาก”
ด้านนายฉัตรชัย ทวีเดช กรรมการผู้จัดการ อีแทรเวลมาร์เก็ตติ้งกล่าวว่า มีประสบการณ์กว่า 10 ปี ในการให้บริการออนไลน์มาร์เก็ตติ้งสำหรับโรงแรม และรีสอร์ตแบบครบวงจร เช่น ออกแบบเว็บไซต์, ทำเสิร์ชเอ็นจิ้น, โฆษณาออนไลน์ และระบบจองห้องพัก จึงเข้าใจผู้ประกอบการและพฤติกรรมผู้ใช้เป็นอย่างดี
“ธุรกิจบริการที่พักมีการทำธุรกรรมออนไลน์เป็นอันดับ2จาก 8 อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าอีคอมเมิร์ซสูงสุดเป็นรองค้าปลีก โดยมีมูลค่า 643,033 ล้านบาท โตจากปี 2558 ที่ผ่านมา 11.48%”
ขณะที่เทรนด์การค้นหาข้อมูลพบว่า 47% ใช้มือถือ รองลงมา 45% ใช้คอมพิวเตอร์ และ 3% ใช้แท็บเลต มีจองโรงแรมที่พักกับโรงแรมโดยตรง 15% อีก 42% เลือกจองผ่านคนกลาง (Travel Agent) ขณะที่อัตราการจองห้องพักผ่านตัวแทน OTA (Online Travel Agency) มีสัดส่วนสูงถึง 43% แม้จะมีค่าบริการเริ่มตั้งแต่ 15-55% ของราคาห้องพัก
พฤติกรรมลูกค้าที่จองห้องพักออนไลน์มี 2 ประเภท คือ 1.จองผ่าน OTA 2.จองผ่านหน้าเว็บโดยตรง เนื่องจากบางโรงแรมไม่ได้เข้าระบบ OTA เมื่อตลาดใหญ่ขึ้น มีการแข่งขันสูงขึ้น มียอดจองมากขึ้น แต่จองกับโรงแรมโดยตรงน้อยลงเพราะโรงแรมมคิดว่าทำตลาดออนไลน์สู้ตัวแทน OTA ไม่ได้ ไม่มีบุคลากร และขาดเครื่องไม้เครื่องมือ
“โรงแรมยังทำงานร่วมกับ OTA เพราะไม่มีช่องทางการทำตลาดของตนเอง ทั้งที่อาจมีค่าบริการสูงถึง 55% ของราคาห้องพัก นั่นคือสิ่งที่เราจะเข้าไปช่วย บางรายยังไม่มีเว็บ หรือบางรายมีแต่ไม่มีหน้าสำหรับจองห้องพัก เราจะเข้าไปช่วย ไม่ใช่แค่เครื่องมือแต่จะเป็นที่ปรึกษา ช่วยคิดกลยุทธ์ในการดึงดูดคนให้จอง”
ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ