ก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ 2558 นับเป็นปีที่ผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์ต่างวาดหวังให้เป็นปีที่ดีกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งกำลังซื้อของผู้บริโภค และความมั่นใจของผู้บริโภคดูจะเป็นตัวแปรสำคัญที่สุดที่จะมีผล
ให้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโต หรือยังคงชะลอตัวดังเช่นปีที่ผ่านมา
ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริษัทและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย กล่าวว่า ปีนี้น่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว เพราะการเมืองเริ่มนิ่ง และรัฐบาลยังมีนโยบาย ที่จะเดินหน้าการลงทุนโครงสร้าง พื้นฐานอีก จะยิ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ต่างจากปีก่อนที่มีปัญหาการเมืองที่เข้ามากระทบ ทำให้หลายอย่างชะลอตัว
ปัจจัยดังกล่าว จะทำให้ภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นที่จะลงทุน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยผลักดันให้ จีดีพีประเทศขยายตัวได้ 3.5-5% จากปี 2557 ขยายตัวได้เพียง 1% เท่านั้น ส่วนกำลังซื้อของ ผู้บริโภคน่าจะดีขึ้นจากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง หากกลุ่มคนที่มีเงินเดือน 4 หมื่นบาท มีรายจ่ายด้านน้ำมันที่ลดลงไป 2-3% จากเงินเดือน เท่ากับมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น 800-1,200 บาท/เดือน เงินเหล่านี้จะทำให้ผู้บริโภค มีกำลังซื้อที่นำไปจับจ่ายใช้สอยได้เพิ่มขึ้น
ขณะที่ผลบวกของราคาน้ำมันที่ลดลง ทำให้ต้นทุนค่าถมดินของผู้ประกอบการไม่ปรับขึ้น ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี แต่ต้องยอมรับว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังจากเผชิญหน้ากับหลากปัจจัยลบเมื่อ ปีที่แล้ว อาจจะฟื้นตัวได้ช้า ซึ่งหากมองในมุมบวก การที่เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ช้า จะทำให้อัตราดอกเบี้ยที่เดิมเคยกังวลกันว่าจะปรับขึ้น ก็อาจทรงตัวหรือลดลง ส่วนเศรษฐกิจโลกก็เชื่อว่าน่าจะดีขึ้น ซึ่งจะทำให้ภาคส่งออกของไทยมีโอกาสขยายตัวได้ และมีผลต่อเนื่อง มายังเศรษฐกิจของไทย
จากการวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจที่มีสัญญาณดี ทำให้ปีนี้ศุภาลัยวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 30 โครงการคิดเป็นมูลค่ารวม 3 หมื่นล้านบาท ทั้งแนวราบและแนวสูง เจาะตลาดทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด พร้อมตั้งเป้าเติบโต 15% จากปีที่แล้วคาดว่าจะมียอดขาย 2.3 หมื่นล้านบาท และรับรู้รายได้ 2.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งปีนี้มีแบ็กล็อก (ยอดรอรับรู้ รายได้) 1.6 หมื่นล้านบาท จากแบ็กล็อกทั้งหมด 3.9 หมื่นล้านบาท(ระหว่างปี 2558-2560)
“การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทยปีนี้คงเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ปีนี้ศุภาลัยมองการเติบโตไม่หวือหวา งบลงทุนซื้อที่ดินปีนี้อยู่ที่ 6,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่วางไว้ที่ 5,000 ล้านบาท เพราะมองโอกาสในการซื้อที่ดินในจังหวะที่เศรษฐกิจค่อยๆ ฟื้นตัว โดยการลงทุนในช่วงต้นทุนต่ำ ถือเป็นช่วงที่ดีที่สุด”
สำหรับตลาดที่อยู่อาศัย ในปีที่แล้ว ตลาดกรุงเทพฯ ดีกว่าตลาดต่างจังหวัด เพราะปีที่แล้วราคาพืชผลการเกษตรในต่างจังหวัดตกต่ำ จึงมีผลต่อเนื่องไปยังกำลังซื้อ รวมถึงเมื่อปี 2555-2556 ผู้ประกอบการรายใหญ่บุกหนักตลาดต่างจังหวัด ทำให้มีอุปทานที่อยู่อาศัยในตลาดมากเกินความต้องการ ซึ่งต้องใช้เวลาในการดูดซับ
ขณะเดียวกัน ศุภาลัย ยังคงมองโอกาสในการขยายฐานตลาดที่อยู่อาศัยต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง และจะมีผลทำให้รายได้จากโครงการในต่างจังหวัดเพิ่มเป็น 30% จากปีที่แล้วอยู่ที่ 20-25% ซึ่งจะมีทั้งเปิดโครงการใหม่ในจังหวัดเดิมที่ปักธงไปแล้ว และเปิดตลาดใหม่ คือ จ.นครราชสีมา หลังจากที่ปีที่แล้วเปิดตลาดอุบลราชธานีและอุดรธานี
นอกจากนี้ยังมองการลงทุนในต่างประเทศ ในอสังหาริมทรัพย์ทุกรูปแบบ ที่มีโอกาส อาจซื้อทรัพย์สิน หรือซื้อบริษัทที่พัฒนาอยู่แล้ว โดยปีนี้จะมองประเทศพม่า เวียดนาม และอินโดนีเซีย ส่วนประเทศที่ลงทุนไปแล้วทั้งฟิลิปปินส์ อาจขยายการลงทุนเพิ่ม แต่ก็อยู่บนพื้นฐานของการระมัดระวัง โดยมูลค่าการลงทุนในต่างประเทศทั้งหมดจะไม่เกิน 10% ของมูลค่าทรัพย์สินรวมบริษัท
ด้านภาพรวมของปี 2557 ที่ผ่านมา ปิดยอดขายที่ 2.1 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับเป้าหมาย ส่วนยอดรับรู้รายได้คาดว่าจะอยู่ที่ 1.8-1.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตสวนกระแสเพราะกลยุทธ์ด้านทำเลที่ทำให้ผู้บริโภคตอบรับดีโดยเฉพาะคอนโดมิเนียม ซึ่งการลงทุนขององค์กรนับจากนี้ ต้องกระจาย ความเสี่ยงไปยังตลาดใหม่ๆ ทั้งในต่างจังหวัด และต่างประเทศ หากตลาดหลักอย่างกรุงเทพฯ และปริมณฑลชะลอตัว
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์