“พิชิต” จ่อปรับลด 110 เส้นทางรถเมล์ เพื่อเร่งผ่าตัดหวังหยุดภาระหนี้สะสมนับแสนล้านบาท ล่าสุดมอบนโยบายขสมก.พร้อมไล่บี้ปมจัดซื้อเมล์เอ็นจีวีฉาว489 คันที่ยังรอลุ้นกรมศุลกากรชี้ความชัดเจนปมเส้นทางนำเข้าจัดซื้อรถ
นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ถือฤกษ์วันที่ 2 กุมภาพันธ์เดินทางมอบนโยบายพร้อมติดตามผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานในการควบคุมดูแลอย่างองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)ภายหลังจากเปิดโอกาสให้ผู้บริหารและคณะกรรมการ(บอร์ด) ดำเนินการแก้ไขปัญหาแผนฟื้นฟูโดยเฉพาะกรณีจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 489 คันในล็อตแรกก่อนที่จะเร่งดำเนินการจัดซื้อในส่วนที่เหลือให้ครบ 3,183 คัน เช่นเดียวกับแผนการอื่นทั้งการจัดซื้อรถเมล์ไฟฟ้า 200 คันและการซ่อมบำรุงรถเก่าเพื่อนำกลับมาใช้งาน
ทั้งนี้นายพิชิตเปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าปัจจุบันองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) มีเส้นทางเดินรถจำนวน 110 เส้นทาง ซึ่งมากกว่ารถร่วมเอกชนที่มีเพียง 87 เส้นทางเท่านั้น แต่ปรากฏว่าผลประกอบการยังไม่ดีขึ้นแถมยังมีภาระหนี้สะสมมากถึง 1 แสนล้านบาท ดังนั้นแนวทางหนึ่งคงจะต้องมีการปรับลดเส้นทางเดินรถของขสมก.ให้น้อยลงให้เหลือเฉพาะเส้นทางที่เห็นผลทางรายได้ชัดเจนแล้วหาแนวทางการส่งเสริมรายได้เพิ่มรายได้ให้มากขึ้นเพื่อช่วยในการปรับลดภาระหนี้ให้เบาบางลง โดยเส้นทางที่ปรับลดไปจะมอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก(ขบ.) รับไปบริหารจัดการแทนต่อไป
“พบว่าผลประกอบการของขสมก.ขาดทุนปีละกว่า 5,000 ล้านบาทและขาดทุนสะสมระดับหลักแสนล้านบาทจึงน่าเป็นห่วงเนื่องจากพบว่าภาระหนี้ใกล้เคียงกับการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) รายได้น้อยกว่ารายจ่าย ประการหนึ่งเกิดจากราคาค่าโดยสารถูกกำหนดให้ต่ำกว่าต้นทุนที่แท้จริงและยังมีหน้าที่ให้บริการประชาชน ไม่เน้นการทำกำไร
แนวทางหนึ่งคือจะต้องพิจารณาปรับลดเส้นทางเดินรถซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติเพราะเส้นทางเดินรถนั้นจะเป็นที่มาของรายได้ ถ้าจัดสรรให้ดีก็จะเกิดประสิทธิภาพตามมาได้ สร้างรายได้มากขึ้น จึงต้องพยายามลดต้นทุนและหันไปเพิ่มรายได้ให้มากขึ้น”
ในระยะเร่งด่วนให้ขสมก.เร่งบริหารจัดการหนี้มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท และมีภาระขาดทุนปีละ 4,000-5,000 ล้านบาทให้เรียบร้อย โดยแบ่งแยกหนี้ให้ชัดเจนว่าส่วนใดมีที่มาจากขสมก. หรือมาจากนโยบายของรัฐบาล เพื่อหาผู้รับผิดชอบ และรัฐบาลจะให้เงินสนับสนุนขสมก.ในการบริหารจัดการหนี้ได้ถูกต้อง ยอมรับว่าอาจต้องมีการปรับโครงสร้างราคาค่าโดยสารให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริง หากมาตรการให้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลไม่เพียงพอ
นอกจากนี้ ให้สั่งการขสมก.สำรวจปริมาณบุคลากรที่ยังขาดแคลน เนื่องจากพบว่าการขาดแคลนบุคลากรทำให้แผนการบริหารจัดการต้นทุนการให้บริการไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และหลังจากนี้ขสมก.จะต้องทำการสำรวจตลาด เพื่อหากลุ่มลูกค้าให้ชัดเจน ให้สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการเดินรถเอกชนรายอื่นได้ เพราะในอนาคตขสมก.จะเข้าอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของขบ.เช่นเดียวกับผู้เดินรถเอกชนรายอื่น
“สำหรับการจัดหารถเมล์เอ็นจีวีจำนวน 489 คันไม่กังวลเกี่ยวกับสัญญาจัดซื้อจัดจ้างระหว่างขสมก.กับบริษัทเบสท์รินกรุ๊ปฯ แต่ยอมรับว่าขณะนี้ยังมีปัญหาเรื่องการพิสูจน์ที่มาของรถ และยังมีความเสี่ยงหากจะต้องรับมอบ จึงต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย ก่อนที่จะเคาะความชัดเจนว่าล้มประมูลได้หรือไม่ ส่วนรถล็อตใหม่ที่จะจัดหามาเพิ่มเติมอีกกว่า 2,600 ค้นนั้นตลอดจนการจัดซื้อรถเมล์ไฟฟ้า200 คันก็จะต้องมีการทบทวนรูปแบบของรถอีกครั้งให้มีความเหมาะสมต่อการใช้บริการของประชาชนตามที่มีผู้ท้วงติง”
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ