หลังจากที่รอคอยกันมานานหลายปี แหละแล้วปี 2559 ก็มีโอกาสให้ผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างได้รับงานกันทั่วหน้าภายใต้โครงการเมกะโปรเจ็กต์ของรัฐบาลที่จัดอยู่ในแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งหรือแอกชันแพลน จำนวน 20 โครงการรวมวงเงินกว่า 1.4 แสนล้านล้านบาท
แม้ว่าในปี 2559 คณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติให้ดำเนินการได้เพียง 13 โครงการคิดเป็นวงเงินลงทุนกว่า 5.25 แสนล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 7 โครงการโยกไปดำเนินการในปี 2560 แต่ก็ส่งผลให้วงการธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของไทยคึกคักขึ้นมาทันที หลายค่ายรับเหมาโดยเฉพาะระดับชั้นพิเศษเข้าร่วมประมูลกันพร้อมหน้า ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟทางคู่เส้นทางฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย วงเงินกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท ที่บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) ชนะการประมูล เช่นเดียวกับเส้นทางชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น วงเงินกว่า 2.38 หมื่นล้านบาท ที่บริษัท ช.การช่าง จำกัด(มหาชน) ชนะการประมูลโกยรายได้ไปก่อนรายอื่นๆ
ต่อเนื่องกันมาด้วยโครงการท่าเทียบเรือชายฝั่ง(ท่าเทียบเรือ A) ที่ท่าเรือแหลมฉบัง วงเงินกว่า 1,800 ล้านบาท ที่บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด(มหาชน) ชนะการประมูล เช่นเดียวกับโครงการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟ(SRTO) เข้าไปยังท่าเรือแหลมฉบัง วงเงินกว่า 2,000 ล้านบาท กลุ่มอิตาเลียนไทยก็ไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่ายๆ นอกจากนั้นยังมีโครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 รวมวงเงินกว่า 6 หมื่นล้านบาทมีจำนวน 7 กลุ่มงานโดยลงนามไปแล้ว 3 กลุ่มงาน กลุ่มอิตาเลียนไทยยังเหนียวแน่นอีกตามเคย
ประมูลมอเตอร์เวย์ 3 เส้น 78 สัญญา
โดยกรมทางหลวง (ทล.) เปิดประมูลโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหรือมอเตอร์เวย์รวม 3 เส้นทาง มี1. เส้นทางพัทยา-มาบตาพุด จำนวน 13สัญญา รวมวงเงินกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท2. เส้นทางหมายเลข 6 (บางปะอิน-นครราชสีมา) จำนวน 40 สัญญา วงเงินกว่า 7.6 หมื่นล้านบาท และ 3. เส้นทางหมายเลข 81 (บางใหญ่-กาญจนบุรี)จำนวน 25 สัญญา วงเงินกว่า 4.9 หมื่นล้านบาท รวมสัญญา 3 เส้นทาง 78 สัญญา ซึ่งการซอยสัญญาเพื่อให้โครงการเสร็จรวดเร็วตามสัญญา
บริษัทที่ได้รับในครั้งนี้ประกอบด้วย บริษัท ช.การช่างฯ 1 สัญญา, บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ฯ 2 สัญญา,บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการฯ 4 สัญญา,บริษัท นภาก่อสร้างฯ 4 สัญญา, บริษัททิพากรฯ 3 สัญญา, บริษัท เอส.เค.วายคอนสตรัคชั่นฯ 2 สัญญา, บริษัท ชัยนันท์ค้าวัสดุก่อสร้าง (2524)ฯ 2 สัญญา, บริษัทวิจิตรภัณฑ์ก่อสร้างฯ 2 สัญญา, บริษัทสี่แสงการโยธาฯ 1 สัญญา, บริษัท วนิชชัยก่อสร้างฯ 1 สัญญา, บริษัท กรุงธนเอนยิเนียร์ฯ 1 สัญญา, บริษัท ประยูรวิศว์ฯ1 สัญญา, บริษัท บัญชากิจฯ 1 สัญญา,ห้างหุ้นส่วนจำกัด กิจรุ่งเรืองก่อสร้างฯ 1สัญญา, บริษัท ธาราวัญ คอนสตรัคชั่นฯ1 สัญญา, บริษัท แสงโชคชัยฯ 1 สัญญา,บริษัท บุญชัยพาณิชย์ (1979)ฯ 1 สัญญา,ห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีรัมย์ธงชัยก่อสร้างฯ2 สัญญา, บริษัท ยิ่งเจริญก่อสร้างบุรีรัมย์ฯ 1 สัญญา, บริษัท พีระมิดคอนกรีตฯ 1 สัญญา และบริษัท คริสเตียนีและนีลเส็น(ไทย)ฯ 1 สัญญา
ไตรมาส4 ลุ้นรถไฟฟ้า3 สาย
หลังจากที่ได้ลุ้นสายสีเขียวเหนือช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ช่วงต่อเนื่องปี 2558-2559 กันไปแล้ว ช่วงปลายปีนี้ยังได้มีลุ้นสายสีส้ม ตะวันออก(ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย)-มีนบุรี วงเงินทั้งช่วงกว่า 9.2 หมื่นล้านบาท โดยมีผู้สนใจซื้อซองประกวดราคามากถึง 20 รายนั้นปรากฎว่า บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) รับรายได้กว่า 4.5 หมื่นล้านบาท บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด(มหาชน) รับรายได้กว่า 1.8 หมื่นล้านบาท บริษัทยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) รับรายได้ 1.3 หมื่นล้านบาท
ส่วนสายสีชมพู(แคราย-มีนบุรี) วงเงินกว่า 5.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งพบว่ามีผู้สนใจซื้อซองไปมากถึ 17 ราย และสายสีเหลือง(ลาดพร้าว-สำโรง) วงเงินกว่า 5.4 หมื่นล้านบาท มีผู้ซื้อซองจำนวน 2 รายซึ่งรถไฟฟ้าทั้งสองโครงการนี้ถือว่าเป็นโครงการร่วมทุนภายใต้พระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ(พ.ศ.2556) เต็มรูปแบบตามที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) กำหนดนั้นปรากฎว่ากิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ที่ประกอบด้วยบริษัทบีทีเอสกรุ๊ป บริษัทซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด และบริษัท โรงไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน) เป็นผู้ผ่านการคัดเลือก
แม้ว่าปี 2559 รัฐบาลจะสามารถเร่งผลักดันระดับเมกะโปรเจ็กต์ได้เพียง 13 โครงการแต่ก็สร้างความคึกคักให้กับวงการรับเหมาได้อย่างมาก เช่นเดียวกับปี 2560 ที่ตามแผนปฏิบัติการแอกชันแพลนมีจำนวนมากถึง 36 โครงการรวมวงเงินลงทุนกว่า 8.5 แสนล้านล้านบาทก็คงจะสร้างความคึกคักให้วงการรับเหมาโกยรายได้ต่อเนื่อง ส่วนรายไหนจะชนะประมูลได้มากน้อยแค่ไหนนั้นคงต้องบี้ราคากันอีกตามเคย
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ