รองนายกรัฐมนตรี มั่นใจ “ธปท.-คลัง” ดูแลไม่ให้ไทยกระทบ หลังพบว่าแนวโน้มเงินจะไหลกลับสหรัฐ ขณะที่ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี มองเศรษฐกิจโค้งสุดท้ายปีนี้ยาวต่อไปถึงปีหน้าจะฟื้นตัวอย่างช้าๆ ด้าน “คาราบาวแดง” ยอมรับยอดขายตลาดเครื่องดื่มติดลบ ลุยตลาดต่างประเทศชดเชย
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ไม่กังวลเรื่องเงินทุนไหลออก เพราะเป็นทุกประเทศจากนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นกว่าเดิม จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวก้าวกระโดด ส่งผลให้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต้องตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อป้องกันเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ทำให้เงินทุนที่สหรัฐเคยอัดฉีดและไหลออกไปลงทุนทั่วโลก ไหลกลับเข้ามาสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ภาวะดังกล่าวไม่มีผลกระทบกับเศรษฐกิจไทย เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลัง ดูแลอยู่ และค่าเงินบาทระดับ 35 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ทำให้ผู้ส่งออกพอใจ เนื่องจากมีรายได้จากการส่งออกมากขึ้น
นายสมคิดกล่าวว่าขณะนี้แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอยู่ในระดับที่ดี แม้ว่าจะไม่ได้โตขึ้นรวดเร็ว เพราะเป็นการปรับฐาน ขอให้มั่นใจเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในปีหน้าจะขยายตัวได้ดี แต่ยอมรับว่าการบริโภคภายในประเทศเบาบางลง เพราะคนไทยไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะใช้จ่าย ซึ่งรัฐบาลโดยกระทรวงการคลังดูแลเรื่องนี้ใกล้ชิด และจะมีมาตรการออกมาดูแลในจังหวะที่เหมาะสม
“เศรษฐกิจไทยตอนนี้เป็นเรื่องของการปรับฐานให้มั่นคง ปีหน้าจะเป็นปีแห่งการผลักดันโครงการลงทุนออกมาให้ได้ตามแผน ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาแข็งแรงเต็มศักยภาพ หากไม่ปรับฐานเศรษฐกิจก็จะไม่มีฐานที่ให้จีดีพีของประเทศขยายตัวต่อไปได้” นายสมคิด กล่าว
ด้าน นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี หัวหน้านักวิเคราะห์ (Head Economist) ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี เปิดเผย “ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการขนาดย่อม-ทีเอ็มบี” (TMB SME Sentiment Index) ไตรมาส 3/2559 (ก.ค.-ก.ย. 2559) ว่า จากความเห็นของผู้ประกอบการ SME 1,356 กิจการทั่วประเทศ โดยศูนย์บริหารความสัมพันธ์ลูกค้าเอสเอ็มอี (TMB SME Relationship Management Center – RMC) ทีเอ็มบี พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอยู่ที่ 41.9 สูงขึ้นเล็กน้อยกว่าระดับ 39.4 ในไตรมาสก่อนหน้าและอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับเมื่อไตรมาส 1 ที่ผ่านมา
“มาตรการกระตุ้นการเบิกจ่ายงบลงทุนของภาครัฐรวมทั้งการเติบโตของภาคท่องเที่ยว ยังคงเป็นปัจจัยหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจเกือบทุกภูมิภาค ภาระหนี้สินที่เกิดขึ้นจากการกู้ยืมและขาดรายได้ในช่วงก่อนหน้า เป็นเหตุให้การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคเป็นไปอย่างระมัดระวัง อีกทั้งราคาพืชเศรษฐกิจ เช่น ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง อ้อย ยังอยู่ในระดับต่ำ รั้งให้กำลังซื้อในต่างจังหวัดยังฟื้นตัวในวงจำกัด” นายเบญจรงค์ กล่าว
นอกจากนี้ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจฯ มองโค้งสุดท้ายปี 2559 ยาวต่อไปถึงปี 2560 ว่ายังจะฟื้นตัวอย่างช้าๆ โดยเศรษฐกิจปี 2560 จะสามารถขยายตัวได้ที่ร้อยละ 3.5 จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐและการขยายตัวของภาคท่องเที่ยวในปีหน้ารวมทั้ง การขับเคลื่อนธุรกิจสู่เศรษฐกิจดิจิทัลตามนโยบายของภาครัฐ
นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราบาว กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลัง “คาราบาวแดง”เปิดเผยว่า ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2559 มีอัตราการเติบโตลดลง 1% จากมูลค่า 3 หมื่นล้านทั้งนี้ เป็นผลจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวประกอบกับการแข่งขันที่สูง โดยเฉพาะการแข่งขันของกลุ่มรายใหญ่ในตลาด ทั้งนี้ ส่งผลให้บริษัทมีนโยบายที่จะขยายสัดส่วนในตลาดต่างประเทศให้เพิ่มขึ้น ผ่านการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศให้เป็น 50% ภายในอีก 1-2 ปีข้างหน้า จากเดิมที่มีอยู่ 30% หรือประมาณ 2,000 ล้านบาท หลักๆ มาจากเอเชีย และตะวันออกกลางบางส่วน
ล่าสุด บริษัทได้วางแผนเข้าไปทำตลาดในประเทศอังกฤษผ่านการเข้าไปเป็นผู้สนับสนุนฟุตบอล “ลีกคัพ” ของอังกฤษ หรือ อีเอฟแอลคัพ(EFL Cup) ภายใต้ชื่อ “คาราบาวคัพ” เป็นระยะเวลา 3 ปี (2017-2020) โดยจะเริ่มตั้งแต่ฤดูกาลหน้า หรือ 2017/2018 เป็นต้นไป
“ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศ มูลค่า3 หมื่นล้าน กำลังต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจขาลง กำลังซื้อชะลอตัว จนทำให้ตลาดในประเทศติดลบ คาราบาวจึงต้องการขยับขยายไปในตลาดต่างประเทศ” นายเสถียร กล่าว