นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ฐานะการคลังของรัฐบาล ยังมีความเข้มแข็ง เพียงพอ ซึ่งเป็นประโยชน์ในการเอื้อต่อการดำเนินนโยบายและมาตรการทางการคลัง เพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในช่วงต่อไป
ทั้งนี้การเคลื่อนไหวของระดับเงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2559 ที่เป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 อยู่ที่ 2.35 แสนล้านบาท ถือเป็นแนวโน้มปกติเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนๆ และยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งและสามารถรองรับการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลในระยะต่อไป
สำหรับเงินคงคลังสิ้นเดือนกันยายน 2559 อยู่ที่ประมาณ 4 แสนล้านบาท เนื่องจากรัฐบาลเตรียมเงินไว้การเบิกจ่ายต้นปีงบประมาณที่มีจำนวนมาก โดยมีนโยบายเร่งรัดการเบิกจ่าย ส่งผลให้เงินคงคลังลดลง แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับปกติไม่ได้มากหรือน้อยเกินไป เพราะหลังจากนี้ประเทศก็จะมีรายได้จากการเก็บภาษีเข้ามาเพิ่มมากขึ้น
นายสมชัย กล่าวว่า ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2560 มีการเร่งเบิกจ่าย เช่น การจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อสนับสนุนการจัดทำบริการสาธารณะให้แก่ประชาชนในพื้นที่สูงถึง 6.25 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ ยังสามารถเร่งรัดการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนสูงกว่าเดือนเดียวกันของปีที่แล้วถึง 17% ส่งผลให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบและเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ ในขณะที่ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในเดือนตุลาคม 2559 สามารถจัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย 1.6 หมื่นล้านบาท หรือ 8.5% และสูงกว่าปีก่อนถึง 22.8%
นายสมชัยระบุในช่วงต้นปีงบประมาณของทุกปี ยังเป็นช่วงที่ยังไม่มีการนำส่งรายได้จากภาษีหลักสำคัญเช่น ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมเป็นต้น ดังนั้นกระทรวงการคลังจะได้ดำเนินการบริหารสภาพคล่องกระแสเงินสดในมือให้เพียงพอต่อระดับการใช้จ่ายตามแผนการเบิกจ่ายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ควบคู่ไปกับการติดตามสถานะการคลังและการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลอย่างใกล้ชิดต่อไป ซึ่งจะทำให้อัตราการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจหรือจีดีพีขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่
คาดการณ์ไว้ โดยปีนี้ขยายตัวได้ 3.3% และปีหน้าขยายตัวได้ 3.4%