ประเดิมปลายปีนี้ หลักพันล้านรอบอร์ดอนุมัติ
แบงก์กรุงไทยเผยแผนเคลียร์หนี้เสีย เตรียมโละเอ็นพีแอลขายยกเข่งปี 60 เฉียดหมื่นล้านบาท เน้นหนี้เก่าบริหารยาก-รายย่อย ยันไม่ให้กระทบสำรอง มั่นใจ เอ็นพีแอลพีคแล้วไตรมาส 3 และจะเห็นแนวโน้มลดลงไตรมาส 4 เป็นต้นไป
นายปริญญา พัฒนภักดี รองกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานปรับโครงสร้างหนี้และบริหารทรัพย์สิน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอลของธนาคารในไตรมาส 3 นี้น่าจะอยู่ในระดับสูงสุดแล้ว และน่าจะเริ่มปรับลดลงในไตรมาส 4 ของปีนี้ต่อเนื่องไปถึงปี 2560 เพราะแบงก์ก็มีมาตรการผ่อนปรนการชำระหนี้ ประกอบกับในปีหน้าที่ภาครัฐจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาจะช่วยให้เอ็นพีแอลลดลงได้ “ลูกหนี้รายย่อยถ้าไม่มีโปรแกรมออกมาช่วยก็อาจจะเห็นหนี้เสียเพิ่มขึ้น แต่ตอนนี้ เรามีช่วงพักหนี้หรือลดดอกเบี้ย ส่วนรายใหญ่ เองก็ล้วนผ่านวิกฤติมาแล้ว แม้จะมีบางรายที่สถานะเริ่มตึง ๆบ้าง แต่ก็พอประคองไปได้ ใครที่มีสัญญาณก็มาคุยกับแบงก์ได้ หรือใครอยากลงทุนเพิ่มแบงก์ก็เบรกๆไปบ้าง ทำให้ไม่มีการลงทุนเกินตัวเพราะทุกคนมองเหมือนกันไม่อยากให้บุ่มบาม จึงเชื่อว่า หนี้เสียไม่น่าจะสูงไปกว่านี้แล้ว”
ส่วนกรณีของบริษัทสหวิริยา สตีล อินดัสทรี (เอสเอสไอ) นั้นหากบริษัท ยื่นแถลงการณ์ปิดคดีเป็นหนังสือต่อศาลแล้ว เชื่อว่าในวันที่ 15 ธ.ค. นี้ เชื่อว่าน่าจะหลุดจากสถานะเอ็นพีแอลมาเป็นหนี้จัดชั้น(SM) ได้แล้ว นอกจากนี้ธนาคารยังมีแผนที่จะ ขายเอ็นพีแอลออกไป ซึ่งก่อนหน้านี้ธนาคารเคยขายหนี้เสีย ในยุคที่นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่
โดยในขณะนี้ธนาคารได้คัดเอ็นพีแอล ที่เตรียมขายแล้วหลักพันล้านบาท และอยู่ระหว่างเสนอคณะกรรมการธนาคารอนุมัติการขายหนี้เสียในปลายปีนี้ ซึ่งหากกระบวนการไม่ทันปลายปีนี้ก็จะรวมไปขายในปีหน้าที่ธนาคารมองไว้ว่าจะขายอีกหลายพันล้านบาทหรืออาจถึงหลักหมื่นล้านบาท ขึ้นกับเป้าหมายการลดเอ็นพีแอลของธนาคาร เอ็นพีแอลที่จะนำมาขายส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ค้างมานาน และเป็นหนี้ที่จัดการได้ยากแล้ว โดยเฉพาะลูกหนี้รายย่อย ซึ่งมองว่าคุ้มค่ากว่าการบริหารเอง “เดิมเรามีหนี้เสียรายย่อยไม่เยอะเพราะเราปล่อยสินเชื่อรายย่อยน้อย และเดิมเราใช้สาขาดูแลก็ควบคุมหนี้เสียได้ แต่หลัง ๆ เราบุกรายย่อยเยอะขึ้น ก็ทำให้จำนวนหนี้เสียเพิ่มขึ้น แม้สัดส่วนไม่สูงแต่จำนวนยอดหนี้เสียมีสูงก็คิดว่าควรตัดขาย เพราะไม่คุ้มที่จะบริหารเอง และที่ผ่านมาหลายแบงก์ก็ใช้วิธีขายหนี้เสียออกไป แต่หากกรุงไทยขายออกไป เอ็นพีแอลก็คงไม่โต”
อย่างไรก็ตามการขายเอ็นพีแอล ในปีหน้า ธนาคารจะพยายามไม่ให้ กระทบกับงบการเงินของธนาคารเพราะธนาคารมีการตั้งสำรองหนี้เสีย ไว้หมดแล้ว หากขายราคาที่ไม่ขาดทุนมากก็จะไม่กระทบกับกำไรและการ ตั้งสำรองของธนาคาร ในทางกลับกันหากขายได้ราคาดีก็อาจตีกลับสำรอง เข้ามาเป็นกำไรก็เป็นได้
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ