การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ของประเทศครั้งใหญ่ ถือเป็นหนึ่งในแผน ปฏิรูปเศรษฐกิจและเป็นนโยบายสำคัญที่รัฐบาลพยายามเร่งให้เดินหน้าเพื่อรองรับการพัฒนาประเทศในระยะข้างหน้า เนื่องจากประเทศไทยไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่มานานนับสิบปี
เมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เข้ามาบริหารประเทศในปี 2557 ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลคสช. จึงปักธงผลักดันโครงการเมกะโปรเจค ด้วยการประกาศเริ่มต้นโครงการต่างๆไว้และวางแผนยุทธศาสตร์ระยะยาว เพื่อให้รัฐบาลถัดไปสานต่อ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง ของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
กระทรวงคมนาคมได้ขยายกรอบเวลาของการจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทยจากระยะ 8 ปี เป็นระยะ 20 ปี เพื่อเป็นเข็มทิศสำหรับการลงทุนในระยะยาว พร้อมจัดทำแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วน (Action plan) เพื่อประกาศว่า ในแต่ละปีจะเริ่มต้นโครงการใดบ้าง
เริ่มต้นด้วยแผนปฏิบัติการปี 2559 ซึ่งถือเป็นแผนปฏิบัติการแรก ได้รับความ เห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2558 ประกอบด้วย 20 โครงการ วงเงินลงทุนรวม 1.796 ล้านล้านบาท ถึงวันนี้ ผ่านมาเกือบ 1 ปี สำนักงานนโยบายและแผนการ ขนส่งและจราจร (สนข.) ยืนยันว่าโครงการในแผนปฏิบัติการทั้งหมดเป็นไปตามแผน
“ปี 2559 โครงการดันไปหมดแล้ว คือต้องเข้าใจว่าการทำ Action plan หมายความว่าโครงการจะต้องเริ่มต้นในปีนั้น แต่อาจจะไม่เสร็จในปีนั้น เช่น บางโครงการ ก็ผ่าน ครม. บางโครงการก็มีผลการศึกษา สำเร็จแล้ว ส่วนโครงการรถไฟไทย-จีน กับ ไทย-ญี่ปุ่น ที่อยู่ใน Action Plan ก็เดินแล้ว เพียงแต่มันไม่เสร็จในปี 2559 เพราะต้องใช้เวลา ซึ่งเมื่อนายกฯ ตรวจเยี่ยมผลงานกระทรวงวันที่ 4 พ.ย. ที่ผ่านมา ท่านก็พอใจบอกว่าคมนาคมทำงานไปเร็วมาก ผลงานออกมาเยอะมาก ส่วนที่เราติด 2 โครงการ มันยากเพราะเป็นโครงการระหว่างประเทศ จึงยาก ทั้งการเจรจาเรื่องการเงิน เรื่องกฎหมาย ท่านก็รู้” นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าว
สำหรับความคืบหน้าของ 20 โครงการในแผนปฏิบัติการปี 2559 แบ่งเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1 กระทรวงคมนาคมระบุว่าเป็นโครงการที่มีความพร้อมมากที่สุดและจะประกวดราคาได้ภายในไตรมาสแรก ของปีงบประมาณ 2559 จำนวน 6 โครงการ วงเงินประมาณ 1.7 แสนล้านบาท ซึ่ง โครงการกลุ่มนี้ส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง การก่อสร้าง ได้แก่
1.รถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กิโลเมตร 2.ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายพัทยามาบตาพุด ระยะทาง 32 กิโลเมตร 3. มอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กิโลเมตร 4. โครงการพัฒนาท่าเทียบเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ A) ที่ท่าเทียบเรือแหลมฉบัง และ 5.โครงการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟ ที่ท่าเรือแหลงฉบัง ระยะที่ 1 และ 6. การพัฒนา ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันลงนามในสัญญาจ้าง แล้ว 3 สัญญาจากทั้งหมด 7 สัญญา
กลุ่มที่ 2 เป็นโครงการที่จะเปิดประกวดราคาได้ภายในปี 2559-2560 รวมทั้งหมด 14 โครงการ วงเงินประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท ซึ่งโครงการกลุ่มนี้ส่วนใหญ่อยู่ระหว่างประกวดราคาหรือเตรียมประกวดราคา ยกเว้นโครงการรถไฟฟ้าไทย-จีน และไทย-ญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจา ได้แก่
1.รถไฟทางคู่ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กิโลเมตร 2.รถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ 132กิโลเมตร 3.รถไฟทางคู่ ช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 165 กิโลเมตร 4.รถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี- ปากน้ำโพ ระยะทาง 148กิโลเมตร 5. รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี วงเงิน 1 แสนล้านบาท 6. รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กิโลเมตร 7.รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 29 กิโลเมตร
8.รถไฟฟ้าสายสีม่วง เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ระยะทาง 23.6 กิโลเมตร 9.รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ-พญาไทมักกะสัน-หัวหมาก และสายสีแดงเข้ม บางซื่อ-หัวลำโพง ระยะทาง 25.9 กิโลเมตร 10. มอเตอร์เวย์ สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กิโลเมตร 11. โครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หัวหิน ระยะทาง 211 กิโลเมตร12.โครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-พัทยา-ระยอง ระยะทาง 193.5 กิโลเมตร13. รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน และ 14. รถไฟความเร็วสูงไทย-ญี่ปุ่น ช่วงกรุงเทพฯ- พิษณุโลก-เชียงใหม่ ระยะทาง 673 กิโลเมตร
สำหรับแผนปฏิบัติการในปี 2560 จะบรรจุโครงการใหม่อย่างต่ำ 30 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 6 แสนล้านบาท โดยกระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอ Action Plan ฉบับสมบูรณ์ต่อที่ประชุม ครม. ในวันที่ 15 พ.ย. นี้ และเพิ่มอีก 2 โครงการจากฉบับร่าง คือโครงการจัดซื้อรถเมล์ไฟฟ้าเพื่อเป็นโครงการนำร่องและระบบตั๋วร่วม
“หลายๆ เรื่องเรารู้แล้วว่าการลงทุนต้องไม่ใช่แค่โครงสร้างพื้นฐานอย่างเดียว แต่มันต้องมีตัวซอร์ฟแวร์ด้วย เช่น ตั๋วร่วม จะออกมาให้ได้ในกลางปีหน้า เพราะฉะนั้นต้องเอามาใส่ในแผนปฏิบัติการเพื่อบอกเป็นMilestone ว่าปีหน้าจะเอามาใช้ให้ได้” นายชัยวัฒน์ ผอ. สนข. กล่าว
ในเบื้องต้นแผนปฏิบัติการปีหน้า แบ่ง 30 โครงการในแผนเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่
1.โครงการที่พร้อมขออนุมัติจาก ครม. ในปี 2560 จำนวน 14 โครงการ ประกอบด้วยโครงการรถไฟทางคู่ 8 เส้นทาง
- โครงการที่อยู่ในขั้นการประกวดราคา ภายในงบประมาณปี 2560 จำนวน 4 โครงการ
- โครงการที่เริ่มดำเนินการก่อสร้างภายในปีงบประมาณ 2560 จำนวน 8 โครงการ
- โครงการไม่พร้อมเสนอ ครม. ในปี 2560 แต่จะสรุปผลการศึกษาขั้นสุดท้ายเพื่อส่งต่อให้รัฐบาลถัดไปจำนวน 3 โครงการและ
- โครงการที่สามารถเปิดให้บริการได้ภายหลัง การก่อสร้างเสร็จแล้วจำนวน 1 โครงการ
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ