“เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้” บริษัทในเครือ “เจริญ สิริฒนภักดี” ทุ่มเงิน 13,230 ล้านบาท ซื้อหุ้นเพิ่มทุน “ไทคอน” หุ้นละ 18 บาท ถือหุ้น 40%
นางสาวลลิตพันธุ์ พิริยะพันธ์ เลขานุการคณะกรรมการบริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น กล่าวว่า คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 735 ล้านหุ้น ให้แก่บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) หรือ FPHT ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ เฟรเซอร์ส เซ็นเตอร์พอยท์ ลิมิเต็ด (FCL) บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ บริษัทในเครือของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ในราคาหุ้นละ 18 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 13,230 ล้านบาท หลังการขายหุ้นเพิ่มทุน FPHT จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ สัดส่วน 40% ของทุนจดทะเบียน และมีสิทธิเสนอชื่อบุคคลเพื่อการแต่งตั้งเป็นกรรมการของบริษัทฯ จํานวน 3 คน อีกทั้งตัวแทนของ FPHT จะถูกเสนอซื้อให้ดํารงตําแหน่งผู้บริหารหรือผู้มีอํานาจควบคุมของบริษัท
เฟรเซอร์สขอผ่อนผันทำเทนเดอร์
บริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ มีหน้าที่ต้องทําคําเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท แต่ทั้งนี้ หนึ่งในเงื่อนไขบังคับก่อนของการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท คือการที่ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ จะต้องได้รับการผ่อนผันหน้าที่ต้องทําคําเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมด โดยอาศัยมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท (Whitewash) โดยต้องได้รับคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน
ภายหลังการได้รับอนุมัติและเงื่อนไขบังคับภายใต้สัญญาจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนสำเร็จครบถ้วนแล้วคาดว่าธุรกรรมดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัท ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 19 ธ.ค. 2559
สำหรับประโยชน์ต่อบริษัทหลังการเพิ่มทุนครั้งนี้ จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินเป็นอย่างมาก ช่วยเพิ่มสภาพคล่องรองรับการขยายการลงทุนได้มากขึ้น รวมถึงการที่จะนำเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนดังกล่าวไปชำระคืนหนี้เงินกู้บางส่วน ซึ่งจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของไทคอนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ ยังเป็นการเสริมพันธมิตรที่แข็งแกร่งในการขยายการลงทุนพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบภูมิภาคอาเซียน อาทิ อินโดนีเซีย เวียดนาม และพม่า เป็นต้น
เฟรเซอร์สหวังขยายธุรกิจนอกอสังหาฯ
ขณะที่ บริษัทเฟรเซอร์ส เซ็นเตอร์พอยท์ แถลงข่าววานนี้ถึงข้อตกลงดังกล่าว จะช่วยให้เฟรเซอร์ส เซ็นเตอร์พอยท์ ขยายการทำธุรกิจให้กว้างออกไป จากปัจจุบันที่จำกัดอยู่เฉพาะอสังหาริมทรัพย์ด้านพาณิชย์ และที่พักอาศัย เข้าไปยังสินทรัพย์ในด้านอุตสาหกรรมในไทย ทั้งยังช่วยเพิ่มรายได้จากการทำธุรกิจในต่างประเทศให้กับบริษัทด้วย โดยไทคอน ทำธุรกิจด้านการพัฒนา และเป็นเจ้าของโรงงาน รวมถึงคลังสินค้าจำนวนหนึ่งในไทย
โบรกฯชี้เอื้อธุรกิจไทคอนในอนาคต
ด้านนักวิเคราะห์ บล.คันทรี่ กรุ๊ป กล่าวว่า การที่ไทคอนขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับบริษัทในเครือของเสี่ยเจริญจะส่งผลดีในระยะยาว จากความร่วมมือทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นร่วมกัน โดยมองว่าในอนาคต ไทคอนจะได้ประโยชน์จากบริษัทอื่นๆในเครือเสี่ยเจริญ ที่มีความจำเป็นในการใช้คลังสินค้า เช่น เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ และบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ประกอบกับการเข้ามาของผู้บริหารใหม่ซึ่งมีความชำนาญในธุรกิจ น่าจะส่งผลดีต่อการบริหารโดยรวมมากขึ้น
ส่วนในระยะสั้น ไม่แนะนำเข้าลงทุนในหุ้นไทคอน เนื่องจากราคาปัจจุบันค่อนข้างสูง และการเข้ามาของผู้ถือหุ้นรายใหม่ น่าจะยังไม่เห็นผลประโยชน์ในระยะสั้น แต่เหมาะจะลงทุนระยะยาวมากกว่า โดยปัจจุบันยังให้ราคาเหมาะสมหุ้นไทคอนที่ 9.14 บาทเท่านั้น แต่เตรียมพิจารณาปรับเพิ่มขึ้นหลังจากได้ผู้ถือหุ้นรายใหม่ ซึ่งต้องรอข้อมูลให้มีความชัดเจนก่อน
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นของไทคอนที่ผ่านมา เริ่มปรับตัวขึ้นจากระดับ 11 บาท เมื่อปลายเดือน มี.ค. ขึ้นไปแตะ 17 บาท เมื่อ 3 ต.ค. ที่ผ่านมา ก่อนที่บริษัทจะขอพักการซื้อขายชั่วคราว (SP) ตั้งแต่วันที่ 4-7 ต.ค. ที่ผ่านมา เพื่อให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้ราคาเพิ่มทุนพีพีที่ 18 บาท เป็นราคาที่สูงกว่าราคาปิดล่าสุด ในวันที่ 3 ต.ค. 5.9% และสูงกว่าราคาถ่วงน้ำหนักถัวเฉลี่ย 15 วันย้อนหลัง 11.2%
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ