ตลาดบ้านสร้างเองในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา (กรกฎาคม-กันยายน 2559) สัญญาณฟื้นตัวยังไม่ดีนัก เนื่องจากกำลังซื้อและความต้องการสร้างของผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจไว้ก่อน ขณะที่ภาพรวมธุรกิจสร้างบ้านมีการแข่งขันกันรุนแรงต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดบ้านสร้างเองในต่างจังหวัด ส่วนไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ผู้ประกอบการมองว่ามีโอกาสขยายตัวดีกว่าไตรมาสที่ผ่านมา
นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ปริมาณและมูลค่าบ้านสร้างเองในช่วงสามไตรมาสที่ผ่านมาไม่ฟื้นตัวดังที่คาดการณ์ไว้ ปัจจัยหลักๆ เป็นผลจาก 1.ฤดูฝนที่ไม่เอื้อต่อการตัดสินใจสร้างบ้านในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมา 2.ผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการลงทุนสร้างบ้านหรือที่อยู่อาศัยมากขึ้น และ3.ความไม่มั่นใจของผู้บริโภคต่อทิศทางเศรษฐกิจในอนาคต
อย่างไรก็ตาม แม้ภาพรวมตลาดบ้านสร้างเองจะไม่ฟื้นตัว แต่สำหรับกลุ่ม “ธุรกิจรับสร้างบ้าน” ถือว่ายังน่าพอใจเมื่อพิจารณาจากตลาดรวมอสังหาริมทรัพย์ตลอดช่วง 9 เดือนของปีนี้
สำหรับภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2559 มีโอกาสขยายตัวได้ดีกว่าไตรมาสที่ผ่านมา ประเมินจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคและแนวโน้มเศรษฐกิจประเทศ ที่ปรับตัวดีขึ้นจากการลงทุนโครงการของภาครัฐ รวมถึงการรุกตลาดของผู้ประกอบการที่แข่งขันอยู่ในธุรกิจนี้ โดยผู้นำตลาดกลุ่มท็อป 5 ยังคงจัดกิจกรรมกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ด้วยความได้เปรียบที่มีสายป่านยาวและผู้บริโภคให้ความเชื่อถือมากกว่า โดยเฉพาะรายที่มีแบรนด์เข้มแข็ง และยังสามารถให้บริการสร้างบ้านได้ครอบคลุมทั้งในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
“แม้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะมีแนวโน้มดีขึ้น แต่สมาคมประเมินว่าผู้บริโภคยังมีความระมัดระวังสูง สำหรับการใช้จ่ายหรือกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน ดังนั้น ความต้องการสร้างบ้านกลุ่มระดับราคา 1-3 ล้านบาท และกลุ่มราคา 4-5 ล้านบาท คาดว่าจะยังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากที่สุด”
อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยที่น่ากังวลที่ควรต้องเฝ้าระวังคือ ภัยธรรมชาติหรือน้ำท่วม โดยขณะนี้หลายๆ จังหวัดเริ่มประสบปัญหาน้ำท่วมขังแล้ว ดังนั้นหากภาครัฐบริหารจัดการน้ำไม่ดี อาจไม่ใช่เพียงแค่ฉุดกำลังซื้อผู้บริโภคลดลง แต่ยังจะสร้างความเสียหายกับงานระหว่างก่อสร้างของผู้ประกอบการ รวมทั้งธุรกิจอื่นๆ เหมือนเช่นเมื่อปี 2554 อีกด้วย เรื่องนี้คงต้องฝากความหวังไว้กับรัฐบาล
ส่วนภาพรวมธุรกิจสร้างบ้านยังมีการแข่งขันกันรุนแรง โดยเฉพาะตลาดบ้านสร้างเองในต่างจังหวัด ทั้งในกลุ่มผู้ประกอบการรับสร้างบ้านและผู้รับเหมาสร้างบ้านรายย่อยทั่วไป นอกจากนี้ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างก็มีการแข่งขันรุนแรงตามกัน ทั้งกลุ่มวัสดุโครงสร้างและวัสดุตกแต่งบ้าน อาทิ คอนกรีตสำเร็จรูป เหล็ก อิฐมวลเบา กระเบื้องหลังคา ประตู-หน้าต่าง วัสดุปูพื้น-ผนัง สีทาบ้าน ฯลฯ อย่างไรก็ดี ผลดังกล่าวทำให้ต้นทุนค่าก่อสร้างปรับลดลงและส่งผลดีไปถึงผู้บริโภค เมื่อผู้ประกอบการสร้างบ้านต้นทุนต่ำลง ก็นำมาลดราคาค่าก่อสร้างบ้านให้ลูกค้าที่ตัดสินใจสร้างบ้านในช่วงครึ่งปีหลังนี้
ทั้งนี้ สมาคมเคยคาดการณ์ปริมาณและมูลค่าตลาดบ้านสร้างเองทั่วประเทศปี 2559 ไว้ประมาณ 8 หมื่นล้านบาท โดยประเมินว่ากลุ่มธุรกิจ “รับสร้างบ้าน” ที่ให้บริการแบบครบวงจร มีแชร์ส่วนแบ่งประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท แต่ตลอดระยะเวลา 9 เดือนเศษที่ผ่านมา พบว่ากำลังซื้อและความต้องการสร้างบ้านคึกคักเฉพาะช่วงไตรมาสแรก แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงไตรมาส 2-3 กำลังซื้อกลับมาชะลอตัวอีกครั้ง นอกจากนี้ ขนาดบ้านและมูลค่าต่อหน่วยก็ลดลง ดังนั้น จึงคาดว่ามูลค่ารวมตลาดรับสร้างบ้านปีนี้ มีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างน้อย 4-5% หรือคิดเป็นมูลค่า 1.4-1.5 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากมีปัจจัยลบใดที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้ก่อนมากระทบ เช่น ปัญหาน้ำท่วม โอกาสที่มูลค่าตลาดรับสร้างบ้านจะมีแนวโน้มปรับลดลงแตะตัวเลข 2 หลักก็มีความเป็นไปได้สูงเช่นกัน