กระทรวงคมนาคมเดินหน้าเริ่มต้นความร่วมมือรถไฟไทย-ญี่ปุ่น เปิดทดลองขนส่งคอนเทนเนอร์ขนาดเล็ก พัฒนาระบบรางแนวเศรษฐกิจด้านใต้ ให้ชุมทางหนองปลาดุกเป็นจุดเชื่อมต่อท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรือทวายของเมียนมา
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ทดลองขนส่งคอนเทน เนอร์ขนาดเล็ก ภายใต้ความร่วมมือไทย-ญี่ปุ่น ถือเป็นการพัฒนาการขนส่งทางราง ซึ่งเป็นนโยบายที่ทางรัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ในการขับเคลื่อนนโยบายให้ปรากฏเป็นรูปธรรม และยังได้รับการสนับสนุนจากมิตรประเทศที่ดีอย่างประเทศญี่ปุ่นที่ได้ถ่ายทอดความรู้ความชำนาญด้านการขนส่งระบบรางให้แก่ประเทศไทย และด้วยความชำนาญในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีการขนส่งระบบรางของญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยได้รับความรู้ทางด้านเทคโนโลยีระบบราง และจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนา การขนส่งทางราง เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการขนส่งทางราง สร้างประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการไทย และส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตขึ้นในอนาคต
ด้าน นายซึโตะมุ ชิมุระ รองอธิบดีกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น กล่าวว่า ประเทศญี่ปุ่นมีรถไฟขนส่งสินค้าที่วิ่งด้วยความเร็ว 70 กม./ชม. ถึง 500 ขบวนต่อวัน โดยวิ่งได้ตามกำหนดเวลากว่า 90% เป็นการดีที่ประเทศญี่ปุ่นจะได้นำประสบการณ์ในการบริหารจัดการการขนส่งสินค้าทางรถไฟ รวมไปถึงการใช้คอนเทนเนอร์ เพื่อช่วยประเทศ ไทยในเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม การลดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง และการใช้ประโยชน์จากการขนส่งทางราง บริเวณรอบๆ
ทั้งนี้ เส้นทางเศรษฐกิจด้านใต้ของประเทศไทยนั้น ก็มีโรงงานและบริษัทญี่ปุ่นอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย การพัฒนาในครั้งนี้จะส่งผลไปถึงการเติบโตของเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียนโดยรวมด้วย ซึ่งระบบรถไฟของประเทศญี่ปุ่นนั้น ได้รับการชื่นชมจากนานาประเทศว่า มีความปลอดภัย น่าเชื่อถือ และสะดวกสบายระดับต้นๆ ของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับรถไฟความเร็วสูงที่ญี่ปุ่นได้ริเริ่มเป็นประเทศแรก อย่างชินคังเซ็นนั้น ตั้งแต่เปิดทำการมาจนถึงตอนนี้ก็ 51 ปีแล้ว ยังไม่เกิดอุบัติเหตุให้ผู้โดยสารถึงแก่ชีวิตเลยสักครั้ง ดังนั้น จึงมีความตั้งใจอยากจะนำระบบชินคังเซ็นมาพัฒนารถไฟสายกรุงเทพฯเชียงใหม่ และขณะนี้ก็กำลังดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ของโครง การอยู่ นอกจากชินคังเซ็นแล้ว ที่ประเทศญี่ปุ่นก็มีระบบรถไฟที่ดำเนินการโดยท้องถิ่น หรือบริษัทเอกชนอีกหลายประเภท ตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2559 นี้ ประเทศไทย ก็จะเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่ใช้ตู้โดยสารที่ผลิตโดยประเทศญี่ปุ่น ทางประเทศญี่ปุ่น ตั้งใจว่าเราจะนำประสบการณ์ในการบริหาร และเทคโนโลยีเกี่ยวกับระบบรถไฟที่เน้นเรื่องความปลอดภัย และความตรงต่อเวลามาช่วยพัฒนา ทั้งด้านระบบและโครงสร้างของการรถไฟในประเทศไทย
ด้าน นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงข่ายการคมนาคมขนส่ง โดยเฉพาะทางรางอย่างจริงจังมาโดยตลอด เนื่องจากเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเพิ่มขีดความสามารถด้านเศรษฐกิจให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงไม่น้อยกว่า 100,000 ล้านบาทต่อปี ลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาทต่อปี ลดระยะเวลาในการเดินทางทางรถไฟ ลดต้นทุนโลจิสติกส์ เพิ่มสัดส่วนการขนส่งทางรางจากร้อยละ 2 เป็นร้อยละ 5
“ทั้งหมดนี้ถือเป็นการคืนความสุขให้กับประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม กระทรวงคมนาคมจึงเร่งผลักดันให้เกิดความร่วมมือด้านการพัฒนาระบบรางไทย-ญี่ปุ่นขึ้น เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการขนส่งทางรถไฟของไทยและพัฒนาการให้บริการขนส่งทางราง โดยการพัฒนาเส้นทางรถไฟปัจจุบันเป็นระบบทางคู่หรือระบบไฟฟ้า ตามที่ได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือด้านระบบรางระหว่างกระทรวงคมนาคมและกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น”
ขณะที่ นายวุฒิชาติ กัลยาณ- มิตร ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. กล่าวว่า การทดลองขนส่งคอนเทนเนอร์ขนาดเล็กภายใต้บันทึกความร่วมมือ (MOC) เพื่อเร่งดำเนินการความร่วมมือด้านระบบราง ตามแนวเส้นทางเศรษฐกิจด้านใต้ สถานีชุมทางหนองปลาดุก ซึ่งเป็นสถานที่ในการประกอบ พิธีเปิดโครงการ ในวันนี้ นับว่าเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญยิ่ง เพราะเป็น “ชุมทาง” ในการเชื่อมต่อแนวเส้นทางระบบรางที่พรั่งพร้อมไปด้วยศักยภาพ เพราะนอกจากจะเป็นจุดเชื่อมต่อไปยังท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรีแล้ว ยังเป็นชุมทางในการเชื่อมต่อแนวเส้นทางไปยังท่าเรือน้ำลึกทวาย ประเทศเมียนมา จะช่วยสนับสนุนให้การขนส่งสินค้าภายในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ให้มีความคล่องตัวยิ่งขึ้นในอนาคต
อย่างไรก็ดี การจัดงานครั้งนี้เป็นการเริ่มต้นดำเนินงานตามบันทึกความร่วมมือ (Memorandum of Cooperation : MOC) ตามที่ได้มีการลงนามร่วมกันระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐานการขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยมีรายละเอียดความร่วมมือ 4 ด้าน ได้แก่ 1.การพัฒนา/การปรับปรุง โครงสร้างพื้นฐานระบบรางเส้นทางแนวเศรษฐกิจด้านใต้ (กาญจนบุรีกรุงเทพฯ, กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทราอรัญประเทศ, กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา- แหลมฉบัง) 2.ด้านการพัฒนาบุคลากร เช่น การฝึกอบรมสำหรับบุคลากรของการรถไฟแห่งประเทศไทย ด้านการซ่อมบำรุงรักษาและบริหารจัด การขบวนรถไฟ การซ่อมบำรุงรักษาทาง ระบบอาณัติสัญญาณและโทร- คมนาคม และการศึกษาดูงานสำหรับ ผู้บริหารระดับสูงของการรถไฟแห่งประเทศไทย และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง 3.ความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนบุคลากรด้านระบบราง โดยฝ่ายญี่ปุ่น ได้แสดงเจตจำนงในการส่งผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งระบบรางตามที่ฝ่ายไทยได้ร้องขอไว้ และ 4.การให้บริการขนส่งสินค้าทางราง เป็นการให้บริการขนส่งสินค้าทางรางรูปแบบใหม่ตามแนวเส้นทางปัจจุบันของการรถไฟแห่งประเทศไทย (State Railway of Thailand : SRT) ด้วยเทคนิคการให้บริการขนส่งทางรางของญี่ปุ่น โดยทั้งสองประเทศได้เริ่มต้นดำเนินการตาม MOC บันทึกความร่วมมือในโครงการศึกษาความเป็นไปได้สำหรับการขนส่งตู้สินค้า (คอนเทนเนอร์) ขนาด 12 ฟุต
“การทดลองการขนส่งสินค้าทางรางด้วยตู้สินค้า (คอนเทนเนอร์) ขนาด 12 ฟุต นี้ เป็นการดำเนินงานตามบันทึกความร่วมมือข้อ 2 ด้านการขนส่งสินค้าทางราง ซึ่งเป็นการทดลองขนส่งด้วยตู้คอนเทนเนอร์ขนาดเล็กครั้งแรกในประเทศไทยช่วยให้การขนส่งและขนถ่ายสินค้ามีความคล่องตัว เนื่องจากมีขนาดเล็ก การเชื่อมต่อการขนส่งทางรางด้วยรถบรรทุกสามารถเข้าถึงผู้รับสินค้าได้สะดวกมากขึ้น แม้ในพื้นที่คับแคบ อีกทั้งยังประหยัดพื้นที่จัดเก็บ และลดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง”
นอกจากนี้ การรถไฟฯจะทด- ลองขนส่งสินค้าทางรางด้วยตู้สินค้า (คอนเทนเนอร์) ขนาด 12 ฟุต ใน 2 เส้นทางที่เปิดใช้บริการได้จริง และมีศูนย์กระจายสินค้าคือ เส้นทางที่ 1 เส้นทางบางซื่อ-ลำพูน-บางซื่อ โดยกำหนดให้สถานีลำพูนเป็นพื้นที่กระจายสินค้าในภาคเหนือ เปิดให้ทดลองใช้บริการแล้ว เส้นทางที่ 2 เส้นทาง บางซื่อ-กุดจิก (จ.นครราช สีมา)-ท่าพระ (จ.ขอนแก่น)-กุดจิก (จ.นครราชสีมา)-บางซื่อ โดยมีสถานีกุดจิก และสถานีท่าพระ เป็นพื้นที่กระจายสินค้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามโครงการศึกษาความเป็นไปได้สำหรับการขนส่งตู้สินค้า (คอนเทนเนอร์) ขนาด 12 ฟุต โดยทางรถ ไฟฯ ซึ่งจะสามารถสรุปผลการศึกษาได้ประมาณกลางปี 2559