นายอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH เปิดเผยว่า ในปี 2559 นี้บริษัทตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท จากปี 2558 ที่คาดว่าจะต่ำกว่าเป้าเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ 2.8 หมื่นล้านบาท หลังจากปี 2558 ไม่ได้มีการโอนโครงการ คอนโดมิเนียมเลย ประกอบกับบริษัทเลื่อนเปิดโครงการแนวราบออกไปอีก ซึ่งสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์
โดยคาดการณ์ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2559 จะทรงตัวจากปี 2558 เนื่องจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังไม่ฟื้นคืน อีกทั้งอัตราการปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ยังคาดว่าอยู่ในระดับสูงอยู่ เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ยังระมัดระวังและเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ซึ่งอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของระบบในปัจจุบันอยู่ที่ 30% โดยบริษัทมีอัตราการปฏิเสธสินเชื่ออยู่ที่ 15-20%
สำหรับรายได้ของบริษัทในปี 2559 นี้ แบ่งเป็นรายได้จากค่าเช่า 2.5-2.6 พันล้านบาท หรือเติบโต 27-28% จากปี 2558 ซึ่งอยู่ที่ 2 พันล้านบาท และรายได้จากเงินลงทุนปี 2558 ตั้งเป้าที่ 2.6 พันล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 13% จากปี 2558 ซึ่งอยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท รายได้ที่ปรับเพิ่มขึ้นมาจากการปรับเพิ่มค่าเช่าโรงแรม 5-6%
ส่วนยอดขายปี 2559 คาดว่าจะอยู่ที่ 28,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.4% จากปี 2558 ที่มียอดขาย 24,700 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่ 28,000 ล้านบาท โดยมีราคาเฉลี่ยต่อหน่วย (ยูนิต) 7.1 ล้านบาท จากปี 2558 มีราคาเฉลี่ยต่อยูนิต 7 ล้านบาท
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) มากกว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยจะเป็นการโอนในปี 2559 นี้ 6-7 พันล้านบาท จะมีการโอนคอนโดมิเนียม 3 โครงการ ซึ่งโครงการแรกคือ โครงการ “333 ริเวอร์ไซด์” จะโอนในไตรมาส 3 ปี 2559 มูลค่า 7 พันล้านบาท, โครงการ “เดอะรูม สาทร 11” มูลค่า 1.9 พันล้านบาท ขณะที่โครงการ “เดอะรูม 69” มูลค่า 2.6 พันล้านบาท จะมีการโอนในไตรมาส 1 ปี 2559
นายอดิศร กล่าวว่า บริษัทได้เตรียมงบลงทุนในปี 2559 ทั้งสิ้น 14,000 ล้านบาท เป็นงบในการซื้อที่ดิน 7,000 ล้านบาท และงบลงทุนด้านพัฒนาหรือซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย-ให้เช่าอีก 7,000 ล้านบาท โดยงบซื้อที่ดินจะเน้นในทำเลกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด เพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต จากปี 2558 บริษัทมีงบลงทุนอยู่ที่ 7,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย 4,000 ล้านบาท และการลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่าอีก 3,000 ล้านบาท โดยเป็นการลงทุนซื้ออพาร์ทเมนท์ในสหรัฐฯ 2,500 ล้านบาท และการลงทุนภายในประเทศอีก 500 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ ในปี 2559 จำนวน 14 โครงการ มูลค่ารวม 23,500 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 9 โครงการ ต่างจังหวัด 5 โครงการ โดยแบ่งตามประเภทที่อยู่อาศัย ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว 9 โครงการ ทาวน์เฮ้าส์ 3 และคอนโดมิเนียม 5 โครงการ