ปลุกรัชดาฯ กลับมาคึกคัก “แบงค์ค็อกไนท์บาซาร์” อัด 3,600 ล้านบาท ฟื้นสวนลุมไน้ท์บาซาร์ ลงแยกรัชดา-ลาดพร้าว เนรมิตพื้นที่ 125,000 ตารางเมตร จัดเต็มแบบครบวงจร รับลูกค้า 35,000 คนต่อวัน หวังรายได้ 400 ล้านบาทในปี 59 มั่นใจคืนทุนใน 6 ปี
นายไพโรจน์ ทุ่งทอง ประธานบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท แบงค์ค็อกไนท์บาซาร์ จำกัด เปิดเผยว่า ทางบริษัทมองเห็นศักยภาพย่าน ถนนรัชดาภิเษกตัดลาดพร้าว ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่มีโอกาสทางธุรกิจที่ดี เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน ใกล้แหล่งชุมชน มีประชากรอาศัยหนาแน่น
ดังนั้น ทางทีมงานเดิมทุกคนที่เคยร่วมกันมาที่สวนลุมไน้ท์บาซาร์เดิมพร้อมใจกลับมาร่วมกันทำงานอีกครั้ง ด้วยการลงทุนกว่า 3,600 ล้านบาท แบ่งเป็น โรงแรม 2,000 ล้านบาท และพลาซ่า 1,600 ล้านบาท เนรมิตพื้นที่ดังกล่าวขึ้นมา ภายใต้ชื่อ โครงการสวนลุมไน้ท์บาซาร์ รัชดา บนพื้นที่กว่า 125,000 ตารางเมตร ประกอบไปด้วย ชอปปิ้งมอลล์ วอล์กกิ้งสตรีท รวมถึงโรงแรมและโรงละคร
“มั่นใจว่าโครงการของเราจะทำให้ย่านนี้กลับมาคึกคัก สร้างความบันเทิงให้กับลูกค้า ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยตั้งเป้าลูกค้าเข้าใช้บริการวันละอย่างน้อย 35,000 คนต่อวัน ประกอบด้วยลูกค้าของโรงแรม และกลุ่มลูกค้าที่พักอาศัยอยู่ในโซน รัชดาฯ-ลาดพร้าว นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ย่านรัชดาฯ-ลาดพร้าว ถือเป็นทำเลที่มีศักยภาพ เดินทางสะดวก”
สำหรับโครงการสวนลุมไน้ท์บาซาร์ ประกอบด้วย 1.พื้นที่ร้านค้า ชอปปิ้งเซ็นเตอร์ และ วอล์กกิ้งสตรีท จำนวน 1,800 ร้านค้า ปัจจุบันมีจำนวนผู้เช่าทั้งหมด 90% และสำหรับ 10% ที่เหลือจะเป็นร้านค้าเฉพาะกลุ่ม
2.พื้นที่ส่วนโรงแรมระดับ 4 ดาว จำนวน 800 ห้อง ที่ประกอบด้วย พื้นที่จัดแสดงสินค้ากว่า 5,000 ตร.ม. โรงละครเมจิกคาบาเร่ ที่เป็นการนำเอาความพิเศษของการแสดงคาบาเร่ต์โชว์ มารวมกับการแสดงมายากล รวมถึงศูนย์ออกกำลังกายพื้นที่กว่า 1,300 ตร. ม. ในอนาคตสามารถขยายเพิ่มได้ถึง 2,500 ตร.ม. พร้อมเปิดให้บริการ ตลอด 24 ชม., บ็อกซิ่งยิม และสวนน้ำขนาดใหญ่ บนดาดฟ้าของโครงการ เพื่อรองรับฐานลูกค้ากลุ่มครอบครัว และที่จอดรถกว่า 1,200 คัน
โดยจะเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ.ปีหน้า (2559) เป็นต้นไป ภายใต้กิจกรรมทางการตลาดตลอดปี ด้วย 52 อีเวนต์ โดยพื้นที่อาคารเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00 น. และพื้นที่ โซนวอล์กกิ้งสตรีทเปิดให้บริการเวลา 16.00-24.00 น. มั่นใจว่าในปี 2559 โครงการสวนลุมไนท์ฯ จะมีรายได้ 400 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจหลักที่มาจากพื้นที่ร้านค้าให้เช่า และ ชอปปิ้งเซ็นเตอร์ ราว 50% และจากธุรกิจอื่นๆ อีก 50% และมั่นใจว่าจะคุ้มทุนได้ภายใน 6 ปี
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา