“ชาญอิสสระ” เดินหน้าปรับเป้าหมาย การเติบโต 3 ปี รายได้ 5.5 พันล้าน จาก 4 พันล้าน สวนเศรษฐกิจชะลอ หวังเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่อง
และเร่งนำศรีพันวา เฟส 2 เข้ากองรีทต้นปีหน้า ส่งผลให้ รายได้เติบโตขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจปีนี้ชะลอกระทบเลื่อนโครงการ โดยเฉพาะ คอนโดมิเนียมใหม่ หลังซัพพลายล้นตลาด ยันไม่กระทบการเติบโต คาดทั้งปีพลิกมีกำไร
นางธีราภรณ์ ศรีเจริญวงศ์ รองกรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) CI เปิดเผยว่าการเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องทำให้บริษัท ได้ปรับเป้าหมายรายได้ใน 3 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้น จากเดิมที่ 4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น เป็นที่ 5.5 พันล้านบาท โดยจะเป็นผล มาจากการเปิดโครงการใหม่ที่ต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยปีละ 4-5 โครงการ
ส่วนเม็ดเงินลงทุนนั้น บริษัทมองว่า มีความเพียงพอ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้ดำเนินการออกตั๋วแลกเงินระยะสั้น และกระแสเงินสดที่มีอยู่จำนวนมาก ใน 3 ปีข้างหน้าบริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจการขายอสังหาริมทรัพย์ 84% รายได้จากการ ให้เช่า 13% และรายได้จากการรับจ้างบริหาร 3% ทั้งนี้บริษัทจะผลักดันให้กำไรขั้นต้น อยู่ที่ 30% และควบคุมหนี้สินต่อหุ้นให้ ไม่เกิน 1.5 เท่า
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะนำสินทรัพย์ในการพัฒนาโรงแรม ศรีพันวา ระยะที่ 2 มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท เพื่อมาตั้งกองทรัสต์เพื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ รีท คาดว่าจะสามารถจัดตั้งกองรีทได้ ภายในไตรมาสที่ 1 ของปี 2559 ทั้งนี้บริษัทได้รับจ้างบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนของพันธมิตร โดยมีมูลค่าโครงการประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ในธุรกิจการรับจ้างบริหารเพิ่มขึ้นในอนาคตมีความเป็นไปได้ว่าจะนำส่วนดังกล่าวมาขายเข้ากองรีทที่จะจัดตั้งขึ้น ด้วย ส่วนกองอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่เดิมนั้น ในเบื้องต้นบริษัทมีแนวคิดจะปรับเปลี่ยนให้เป็นกองรีท เช่นกัน แต่รอการปรับภาษีที่อำนวยความสะดวกมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมั่นใจว่ารายได้ ของบริษัทยังสามารถเติบโตได้เมื่อเทียบ กับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 1,692.64 ล้านบาท แม้จะมีการเลื่อนเปิดโครงการคอนโดมิเนียมจากสถานการณ์กำลังซื้อที่ปรับตัวลดลง “ภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวลดลงบริษัทได้รับผลกระทบดังกล่าวเช่นเดียวกับ บริษัทอื่นๆ จึงปรับการเปิดโครงการใหม่ลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะเปิดโครงการได้ 4 โครงการจะลดลง 1 โครงการโดยเลื่อนการเปิดคอนโดมิเนียมออกไปก่อน ”
แนวโน้มของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะ ปรับตัวดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงไตรมาสที่ 4 ปีนี้ ที่จะมีการกระตุ้น ภาคอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐจะช่วยให้ ธุรกิจกลับมาคึกคัก บริษัทมองว่าในช่วงไตรมาสที่ 4 จะเป็นช่วงที่ดีที่สุดของธุรกิจ ทำให้บริษัทมีรายได้ที่เติบโตขึ้นจากปีก่อนและสามารถ พลิกมามีกำไรได้ในปีนี้ จากปีก่อนที่มีผลการดำเนินงานขาดทุน 20.57 ล้านบาท
ในปีนี้บริษัทเดินหน้าเปิดตัวแล้ว 3 โครงการ ใหม่ โดยที่ผ่านมามียอดจองเข้ามาอย่าง ต่อเนื่องทั้งโครงการที่มีอยู่เดิมและโครงการใหม่ ยอดขายจากโครงการทิวทะเล 1 มีการขายไปแล้ว 80% ทิวทะเล 2 มียอดขายไปแล้ว 60% และอยู่ระหว่างการเร่งขายโครงการทิวทะเล 3 ส่งผลให้ปัจจุบันมียอดยอดขายที่รอรับรู้ รายได้ 3,370 ล้านบาท จะรับรู้รายได้ในปี 2558 และปี 2559
แผนธุรกิจในปีหน้านั้น บริษัทจะเน้นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบระดับไฮเอนด์มากขึ้น บริษัทได้เดินหน้าซื้อที่ดินแล้ว 900 ล้านบาท จากที่เตรียมเงินลงทุนในส่วน ดังกล่าวไว้ที่ 1,500 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรก บริษัทมีรายได้ 1,171 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 99.5% โดยมีรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 811 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 164% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 39.9%
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ