ลุ้นมาตรการภาครัฐ ฟื้นความเชื่อมั่น และเศรษฐกิจปี59 แบงก์กรุงเทพลุ้นมาตรการรัฐฟื้น ความเชื่อมั่น หนุนเศรษฐกิจปี 59 ชี้ภาค อสังหาอยู่ระหว่างปรับสมดุลในตลาด ประเมินหากรัฐผลักดันมาตรการลดหย่อนภาษีการโอนไม่ได้ช่วยกระตุ้นตลาดมากนัก
เหตุกำลังซื้อยังชะลอตัว ระบุต้องให้เวลาลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนลงก่อน ขณะเดียวกันเร่งปรับกระบวนการภายในเตรียมพร้อมปล่อยสินเชื่อปีหน้า
นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า ในขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างการเตรียม จัดทำแผนการขยายสินเชื่อในปี 2559 โดยจะต้องพิจารณาแนวโน้มตลาด การเติบโตทางเศรษฐกิจ ประกอบกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ภาครัฐผลักดันออกมาที่ถือเป็นเรื่องที่ดี ที่คาดทยอยเห็นผลในการฟื้นความเชื่อมั่น ได้ในปี 2559 ขณะที่ภาคการเมืองเองเริ่มมีความชัดเจนแล้วว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า ทำให้คาดว่าแนวโน้มปี 2559 น่าจะมีทิศทางที่ดีกว่า ปีนี้ “การขยับการเลือกตั้งออกไปและนโยบายเศรษฐกิจที่ออกมา หากมองให้ดีจะช่วยให้กลไกต่าง ๆ ทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานถือเป็นเรื่องที่จำเป็น ซึ่ง ที่ผ่านมาประเทศไทยไม่ได้มีการลงทุน ในส่วนนี้มานานแล้ว ทำให้มองว่าปีหน้า น่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น แต่ทั้งนี้ต้องจับตาเศรษฐกิจโลกประกอบด้วย”นายทวีลาภกล่าว
นายทวีลาภยังกล่าวอีกว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานในตลาด ด้วยการเร่งระบายโครงการเก่าออกไปก่อนและไม่น่าจะมีการลงทุนโครงการใหม่มากนัก ซึ่งการขยายสินเชื่อบ้านของธนาคาร ในช่วงที่เหลือของปีคงไม่เห็นภาพที่หวือหวามากนัก เนื่องจากสภาพตลาดและกำลังซื้อยังไม่เอื้อให้เติบโตมากนัก โดยจะเน้นการดูแลคุณภาพสินเชื่อในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันมากกว่า ทั้งนี้หากต้นปีหน้าการลงทุนใหญ่เกิดขึ้นจะเห็นผลต่อเศรษฐกิจภายในครึ่งปีให้ทยอยฟื้นตัวแต่คงไม่ร้อนแรง ประกอบกับภาคอสังหาเริ่มปรับตัวเข้าสู่ภาวะที่สมดุลของอุปสงค์และอุปทาน และหนี้ภาคครัวเรือนปรับตัวดีขึ้นก็เชื่อว่าจะเห็นการฟื้นตัวได้บ้าง “เมื่อมีการเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจก็น่าจะมีมาตรการต่าง ๆ ออกมา ตลาดจะค่อย ๆ ปรับตัว แต่ปัญหาหนี้ครัวเรือนต้องใช้เวลา ขณะที่ผู้ประกอบการค่อย ๆ จัดการกับดีมานด์ซัพพลาย ใช้แคมเปญทางการตลาดออกมาเพื่อระบายสต๊อกบ้าง และไม่ออกโครงการใหม่มาเพิ่มก็คงดีขึ้น ขณะที่ผู้ซื้อเองยังมีความต้องการโดยเฉพาะเส้นทางตามแนวรถไฟฟ้า “นายทวีลาภกล่าว
อย่างไรก็ตามในปีที่ผ่านมาสินเชื่อบ้านของธนาคารขยายตัวได้ดีกว่าตลาด แต่ใน ปีนี้การเติบโตยังเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจ ดังนั้นธนาคารจึงใช้เวลาในการมุ่งเน้นการปรับกระบวนการภายในให้สามารถบริการได้อย่างรวดเร็วขึ้น เพื่อที่ว่าในปีหน้าหากตลาดเริ่มปรับตัวดีขึ้นสินเชื่อบ้านก็จะกลับมาเติบโตได้ นายทวีลาภยังกล่าวถึงข้อเสนอของภาคผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการให้ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาด้วยการลดหย่อนภาษีการโอนและจดจำนองว่า ถือเป็นเรื่องปกติของการเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ ที่ภาคส่วนต่าง ๆ ก็พยายามเสนอแนวคิดออกมา แต่ในมุมของภาครัฐเองก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะการลดหย่อนภาษีไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย นอกจากนี้ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ กำลังซื้อเป็นปัจจัยสำคัญต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ เมื่อกำลังซื้อยังไม่ฟื้นการลดหย่อนภาษีก็ไม่น่าจะช่วยกระตุ้นได้มากนัก ประเด็นสำคัญในขณะนี้ จึงอยู่ที่การลดระดับหนี้ครัวเรือนของ ผู้บริโภคลงมา นายปรีดีดาวฉายกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาเริ่มเห็นกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชะลอการเปิดโครงการใหม่ไปบ้างแล้ว จึงไม่น่าเป็นกังวลในตลาดอสังหาขณะนี้ เพราะถือว่าได้ใช้ความระมัดระวังที่ดีเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมาและช่วยให้ผู้ประกอบการมีความแข็งแกร่งมากขึ้น อย่างไรก็ตามหากรัฐบาลมีมาตรการลดภาษีการโอนการจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ ถือว่าเป็นมาตรการที่ดีมีประโยชน์ ทำให้ ผู้บริโภคมีเงินเหลือสามารถนำมาใช้จ่ายอย่างอื่นได้ แม้ว่ารายได้รัฐอาจจะหายไปบ้าง แต่คงไม่ใช่เรื่องยากลำบาก เพราะที่ผ่านมาก็เคยใช้มาตรการเช่นนี้มากแล้ว
สำหรับเป้าหมายสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารปีนี้ ยังคงเป้าหมายไว้ที่ 4%เป็นเม็ดเงินประมาณ 42,000 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรก มียอดปล่อยสินเชื่อแล้ว 2.4 หมื่นล้านบาท เติบโตที่ 3%และมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิด รายได้หรือเอ็นพีแอลอยู่ที่ระดับ 2.7%
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ