นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท. เปิดเผยว่า ร.ฟ.ท.ได้จัดสัมมนาทดสอบความสนใจภาคเอกชนในการลงทุน (มาร์เก็ต ซาวดิ้ง)
โดยเชิญตัวแทนจากภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธนาคาร โรงแรม และนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เข้าร่วมรับฟังโครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์บริเวณสถานีกลางบางซื่อเพื่อเป็นศูนย์กลางการเดินรถไฟ 218 ไร่ มูลค่าลงทุนประมาณ 68,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ภาคเอกชนเห็นว่าพื้นที่เชิงพาณิชย์สถานีกลางบางซื่อ มีความเหมาะสมพัฒนาเป็นคอมเพล็กซ์ซิตี เช่น สำนักงาน ห้างสรรพสินค้า ที่พักอาศัย พื้นที่นันทนาการ โดยรูปแบบการลงทุนอยู่ระหว่างพิจารณาว่าเป็นการให้เช่า หรือการร่วมลงทุนกับภาคเอกชน แต่คาดว่าแนวโน้ม ร.ฟ.ท.น่าจะใช้รูปแบบร่วมทุนกับภาคเอกชน เพราะได้ประโยชน์มากกว่าการให้เช่าพื้นที่ และได้มีการวางกรอบเวลาในการนำเข้าสู่กระบวนการพ.ร.บ.ร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน หรือพีพีพีได้ ซึ่งคาดว่าแผนการพัฒนาจะขออนุมัติ ครม.ได้ปี 60 และประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมทุนได้ปี 62 และจะก่อสร้างเสร็จพร้อมการสร้างสถานีกลางบางซื่อ
สำหรับพื้นที่เชิงพาณิชย์บริเวณสถานีกลางบางซื่อ แบ่งเป็น 3 โซนคือโซนเอ เนื้อที่ 35 ไร่ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของสถานีกลางบางซื่อ โซน บี เนื้อที่ 78 ไร่ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของสถานีกลางบางซื่อห่างจากตลาดนัดจตุจักรเพียง 700 เมตร และโซน ซีเนื้อที่ 105 ไร่ ตั้งอยู่บนพื้นที่สถานีขนส่งหมอชิต
“การลงทุนได้เปิดกว้างให้กับต่างชาติมาร่วมลงทุนกับนักลงทุนไทยได้ และหากเป็นนักลงทุนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ไทย หรือ ตลท.เข้ามาร่วมลงทุนได้เช่นกัน ความคืบหน้าการก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อ ปัจจุบันมีความล่าช้าบ้าง เนื่องจากมีการปรับแบบโครงการรถไฟฟ้าไฮสปีดเข้ามาอยู่ในสถานีด้วย จะแล้วเสร็จในปี 65”
นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท กล่าวว่า สนใจโครงการพัฒนาเชิงพาณิชย์พื้นที่สถานีบางซื่อ ปัจจุบันพื้นที่ใจกลางเมืองในโซนเก่ามีความหนาแน่นและราคาที่ดินค่อนข้างสูง การเปิดพื้นที่ใหม่ซึ่งอยู่ในโซนเหนือของกรุงเทพฯก็จะเป็นการพัฒนาได้อีกมาก ระยะเวลาที่กำหนดไว้ 30 ปี น้อยเกินไปอย่างน้อยต้อง 90-99 ปีเพื่อดึงดูดนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์