“บิ๊กจิน” สั่งลุยโครงสร้างพื้นฐานเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ใช้งบกลางปี 2558 วงเงิน 2.4 พันล้าน และงบปี 2559 ปูพรม 2 พื้นที่เร่งด่วน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และอำเภออรัญประเทศ จังหวัด สระแก้วพร้อมสุด ส่วนที่เหลือให้จัดสรรตามลำดับความสำคัญ
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมา พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านโครงสร้างพื้นฐานและด้านศุลกากรเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ได้หารือร่วมกับ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) เมื่อเร็วๆนี้ เพื่อจัดสรรงบประมาณลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานลงเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษระยะแรกเร่งด่วน 2 จังหวัดก่อน ได้แก่ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และตำบลบ้านป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ทั้งนี้เนื่องจาก 2 พื้นที่ดังกล่าวมีศักยภาพ นักลงทุนสนใจและมีความพร้อมมากที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่งบประมาณจะมาจากงบกลางของปี 2558 และงบประมาณปี 2559 ขณะเดียวกันพื้นที่อื่นๆ ทั้งระยะแรกและระยะที่ 2 ก็ให้เร่งจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังภายใต้กรอบงบประ มาณลงทุนตามแผนที่วางไว้และเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) เห็นชอบต่อไป
ด้านแหล่งข่าวจากสนข.กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้รับจัดสรรงบกลางจากงบประมาณปี 2558 วงเงิน 2,400 ล้านบาท เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใน 6 เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ระยะแรก ได้แก่ จังหวัดตาก ตราด สระแก้ว มุกดาหาร สงขลา และหนองคาย แต่เนื่องจากงบประมาณมีจำกัด จึงมีความจำเป็นต้องจัดสรรงบประมาณไปลงทุน 2 พื้นที่ดังกล่าวก่อน ส่วนพื้นที่อื่นจะทยอยดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก มีโครงการเร่งด่วน คือ โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่ 2 และถนนเชื่อมต่อบริเวณตำบลท่าสายลวด งบประมาณลงทุน 3,900 ล้านบาท โดยได้รับจัดสรรจากงบกลางปี 2558 จำนวน 500 ล้านบาท เพื่อชดเชยกรรมสิทธิ์ให้กับผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งขณะนี้กรมทาง หลวงได้เข้าพื้นที่แล้ว และงบที่เหลือได้ขอจัดสรรปีงบประมาณ 2559 นอกจากนี้ยังมีโครงการก่อสร้างและขยายเขตทางทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 สายตาก-แม่สอด ตอน 4 ระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตร จาก 2 ช่องจราจรเป็น 4 ช่องจราจร วงเงิน 1,400 ล้านบาท ซึ่งเหลือเพียงช่วงเดียว ที่จะเต็มโครงข่ายและจะรับกับสะพานข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่ 2 โดยสนข. ต้องการได้รับจัดสรรจากงบกลางปี 2558 ทั้ง1,400 ล้านบาท เพราะมองว่าเป็นโครงการที่จำเป็นเร่งด่วน แต่กลับได้รับจัดสรรเพียง 300 ล้านบาท ซึ่งน้อยเกินไป ดังนั้นจึงโยกงบดังกล่าวไปลงพื้นที่อื่นที่ใช้งบประมาณไม่มาก ส่งผลให้ สนข.ต้องเสนอขอในงบประมาณปี 2559 ทั้งก้อนรวดเดียว คือ 1,400 ล้านบาท เพื่อขยายเขตทาง 4 ช่องจราจรถนนสายตาก-แม่สอดตอน 4 ต่อไป ซึ่งจะใช้ระยะเวลา 2 ปี จึงจะแล้วเสร็จนับจากปลายปี 2558 เป็นต้นไป
ขณะเดียวกันยังจัดสรรงบประมาณขยายสนามบินแม่สอด ซึ่งกรมการบินพลเรือน(บพ.) ได้จัดสรรงบประมาณ 200 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดิน 300 ไร่ หลังจากเจรจากับชาวบ้านเจ้าของที่ดินได้แล้ว และในส่วนของงบก่อสร้างตัวอาคารผู้โดยสาร การขยายทางขับ (แท็กซี่เวย์) และทางวิ่ง(รันเวย์) ก็จะใช้งบประมาณทั้งสิ้นกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนนี้จะได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ 2559
ส่วนจังหวัดสระแก้วที่ตำบลบ้านป่าไร่ อำเภออรัญ ประเทศ สนข.ได้โยกงบประมาณวงเงิน 300 ล้านบาทจากโครงการก่อสร้างและขยายเขตทางถนนสายตาก-แม่สอด ไปใช้เพื่อการเวนคืนที่ดิน 3 โครงการ คือ โครงการก่อสร้างทางหลวงสายอรัญประเทศ-ชายแดนกัมพูชา (ทางเลี่ยงเมืองบ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท ระยะทาง 30 กิโลเมตร ขนาด 4 ช่องจราจรวงเงิน 3,150 ล้านบาท โครงการก่อสร้างถนนสายใหม่ทางหลวงสาย 388-บ้านป่าไร่ ระยะทาง 12.5 กิโลเมตร และโครงการสร้างด่านศุลกากรบริเวณบ้านป่าไร่ เนื้อที่กว่า 200 ไร่ วงเงิน 250 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีโครงการก่อสร้างทางหลวงสาย33-ด่านชายแดนคลองลึก วงเงินกว่า 1,000 ล้านบาท โครงการสำรวจเวนคืนและปรับปรุงแบบก่อสร้างโครงการถนนสายแยกทางหลวง 348-บ้านป่าไร่ ระยะทาง 11 กิโลเมตร โครง การก่อสร้างและขยายถนนศรีเพ็ญช่วงตลาดโรงเกลือ-บ้านป่าไร่ ระยะทาง 8 กิโลเมตร จาก 2 ช่องจราจรเป็น 4 ช่องจราจร โครงการปรับปรุงถนนทางหลวงชนบทเชื่อมถนน 3397 และทางหลวงชนบทสาย 3446 เข้าสู่พื้นที่เขตเศรษฐกิจบ้านป่าไร่และบริเวณด่านใหม่รวมถึงโครงการก่อ สร้างทางรถไฟทางคู่ สถานีชุมทางคลองสิบเก้า-อรัญ ประเทศ-สุดเขตชายแดนสะพานคลองลึก เชื่อมไปประเทศกัมพูชา เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ถนนเชื่อมตำบลบ้านป่าไร่และด่านศุลกากรที่กำหนดเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษปัจจุบัน เป็นงบประมาณที่สนข.ต้องจัดสรรเพิ่มเข้ามา เพราะก่อนหน้านี้ รัฐบาลชุดก่อนได้ตกลงกับทางกัมพูชาว่าจะเลือกบ้านหนองเอี่ยนเป็นที่ตั้งด่านใหม่และเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ดังนั้นกรมทางหลวงจึงได้ออกแบบและเสนอของบประมาณเพื่อก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองอรัญบ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท เพียงโครงการเดียวเท่านั้น
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ