บิ๊กธุรกิจอสังหาฯเชียงใหม่ฟันธง ภาพรวมชะลอตัว ยอดขายร่วงกว่า 50% เหลือติดมือนักพัฒนาเพียบ คอนโดฯโอเวอร์ซัพพลายอื้อ คาดต้องใช้เวลา 2 ปีในการดูดซับปริมาณที่มี
ส่วนบ้านจัดสรรใช้เวลาอีก 1 ปี ด้าน “อรสิริน กรุ๊ป”เจ้าถิ่นสวนกระแสลุยเปิดโครงการเพิ่ม ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ธอส.เผยมีบ้านจัดสรรเหลือขาย 6,200 หน่วย มูลค่ารวม 2.4 หมื่นล้านบาท ขณะที่คอนโดฯเหลือขาย 3,100 หน่วย มูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท ส่วนที่ปรึกษาสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่-ลำพูน มั่นใจยังไปได้ แค่ชะลอตัว
นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อรสิริน กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ท้องถิ่นรายใหญ่ของจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของจังหวัดเชียงใหม่ว่า นับถอยหลังไปตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 ปี 2557 ถึงไตรมาสแรกของปี 2558 ยอดขายตกลงไปกว่า 50% ทุกโครงการ สาเหตุน่าจะมาจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังไม่ดี ตั้งแต่เศรษฐกิจโลก ลามมาถึงเศรษฐกิจไทย อีกทั้งการเมืองก็ยังไม่นิ่ง ทำให้คนไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซื้อบ้าน ที่บางคนทั้งชีวิตอาจจะซื้อได้เพียงหลังเดียว จึงต้องใช้เวลาในการตัดสินใจมากขึ้น
“ตอนนี้ที่ติดอยู่ในมือของผู้ประกอบการ ทั้งคอนโดมิเนียม และบ้านเดี่ยวจำนวนมากคอนโดมิเนียมของเราค่อนข้างจะโอเวอร์ซัพพลาย คงต้องใช้เวลาอีกประมาณ 2 ปีในการให้กำลังซื้อซึมซับปริมาณคอนโดฯที่เหลือในเมืองเชียงใหม่ เช่นเดียวกัน บ้านจัดสรรบ้านเดี่ยว คงจะต้องใช้ระยะเวลาประ มาณ 1 ปีบ้านที่เหลืออยู่ในตลาดถึงจะหมด”
ขณะเดียวกันนายบุญเลิศ กล่าวถึงการปรับตัวของผู้ประกอบการว่า ถ้าจะเล่นกลยุทธ์ในเรื่องราคา คงจะยาก เพราะว่าตอนนี้ที่ดินในจังหวัดเชียงใหม่ต้นทุนสูงมาก ประกอบกับมาร์จินหรือส่วนของกำไรของอสังหาริมทรัพย์เฉลี่ยแล้วไม่เกิน 10% คงจะต้องแข่งในด้านของคุณภาพเป็นหลัก และจะต้องหารูปแบบใหม่ๆที่ฉีกแนวจากรูปแบบเก่า เพื่อสร้างความดึงดูดใจของลูกค้า
“อรสิรินกรุ๊ป เป็นกลุ่มทุนท้องถิ่น มีการขยายธุรกิจและเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทั้งโครงการบ้านจัดสรร อาคารพาณิชย์ ทาวน์เฮาส์ รวมถึงโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งต้องเร่งปริมาณการขายให้มากขึ้น โครงการใหม่ๆที่เราตั้งใจเปิด ก็จะเริ่มทำ เพราะต้องทำอยู่เรื่อยๆ หากช้าไปจะเสียโอกาส หากเกิดเศรษฐกิจดี จะสร้างไม่ทัน เราค่อนข้างโชคดี เนื่องจากมีแลนด์แบงก์อยู่ในมือค่อนข้างเยอะ เป็นที่ดินที่ซื้อสะสมมาตั้งแต่ 20-30 ปีก่อน อีกทั้งอยู่ในทำเลที่ดี ทำให้ไม่ต้องไปหาซื้อในราคาที่สูง จึงมีต้นทุนที่ต่ำกว่า”
ด้านนายวัชระ ตันตรานนท์ ที่ปรึกษาสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ลำพูน เปิดเผยว่า ภาพรวมของอสังหาริม ทรัพย์ในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นเพียงการชะลอตัว อสังหาริมทรัพย์ในเชียงใหม่ แบ่งเป็นหลายส่วนด้วยกัน เช่น 1. อสังหาริมทรัพย์ประเภทที่ดินเปล่า ขณะนี้คงจะขายลำบากมากขึ้น เพราะว่าในการจะซื้อขายที่ดินจะมีเรื่องของผังเมืองมาเป็นตัวกำหนด 2. ธุรกิจห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ภายใน 5 ปี คงจะไม่เกิด อย่างน้อยก็คงจะต้องอีก 5 ปีข้างหน้าถึงจะเกิดได้ 3. คอนโดมิเนียม สาเหตุที่สร้างขึ้นมามากขนาดนี้ เพราะว่าทุกคนวิ่งหนีผังเมืองที่ประกาศใช้เมื่อเดือนเมษายนปีที่ผ่านมา เช่น ถนนห้วยแก้ว สร้างได้สูงแค่ 12 เมตร ถนนดอยสุเทพ สร้างได้สูงแค่ 12 เมตร เพราะฉะนั้นทุกคนก็ต้องรีบขออนุญาตสร้างคอนโดมิเนียมหนีผังเมืองใหม่ ตรงนั้นเลยทำให้คอนโดมิเนียมล้นตลาด แต่ถามว่า ในอนาคตคอนโดมิเนียมไปได้ไหม ตนมองว่า ยังไปได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับทำเล ถ้าโครงการไหนที่มีทำเลที่ดี สร้างขึ้นมาก็จะขายหมด แต่ถ้าโครงการที่อยู่ในทำเลที่ไม่ใช่ ทำอย่างไรก็ขายไม่ได้
4. โครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทตึกแถว อาคารพาณิชย์ ก็ขึ้นอยู่ที่ทำเลเหมือนกัน 5. ธุรกิจโรงพยาบาล ธุรกิจที่เกี่ยวกับโรงพยาบาล ถือเป็นอสังหาริมทรัพย์อย่างหนึ่งเหมือนกัน คิดว่าแนวโน้มในเชียงใหม่ ด้านโรงพยาบาลจะมีการแข่งขันสูงกว่านี้ มีโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงมาเปิดมากขึ้นกว่านี้ ส่วนโครงการบ้านจัดสรรเมื่อก่อนคนเชียงใหม่ทำ เดี๋ยวนี้ยักษ์ใหญ่จากกรุงเทพฯ ก็มาลงบ้านจัดสรรหมดแล้ว
“มองว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดเชียงใหม่ยังไปได้ เพียงแต่ว่าช่วงนี้จะมีการชะลอตัว คิดว่าประมาณ 2 ปีน่าจะไปได้ และที่สำคัญที่ดินในเชียงใหม่ตอนนี้ราคาขึ้นสูงมากถ้าเปรียบเมื่อ 3 ปีที่แล้วขึ้นมาถึง 200%”
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคาร สงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ผลการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยภาคเหนือ ล่าสุดในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ มีหน่วยที่อยู่อาศัยในผังโครงการของผู้ประกอบการซึ่งอยู่ในระหว่างการขาย แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 145 โครงการ หน่วยในผังประมาณ 14,900 หน่วย(ดูตาราง) อาคารชุด 59 โครงการ หน่วยในผังประมาณ 8,400 หน่วยและบ้านพักตากอากาศ 2 โครงการ หน่วยในผังประมาณ 65 หน่วย โครงการบ้านจัดสรร อยู่ระหว่างการขาย 145 โครงการ มีหน่วยในผังโครงการรวมกันประมาณ 14,900 หน่วย มีมูลค่าโครงการตามหน่วยในผังรวมกันทั้งสินประมาณ 57,300 ล้านบาท เหลือขายประมาณ 6,200 หน่วย มูลค่าหน่วยเหลือขายรวมประมาณ 24,000 ล้านบาท ประเภทอาคารชุด มีโครงการอาคารชุด อยู่ระหว่างการขาย 59 โครงการ มีหน่วยในผังโครงการรวมกันประมาณ 8,400 หน่วย มูลค่าโครงการรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 25,800 ล้านบาท เหลือขายประมาณ 3,100 หน่วย มูลค่าหน่วยเหลือขายรวมประมาณ 10,100 ล้านบาท
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ