นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า วันที่ 3 เม.ย. 2558 นี้ พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานบอร์ด รฟม. เป็นประธานพิธีลงนามสัญญาว่าจ้างก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า สายสีเขียวช่วงหมอชิต-สะพานใหม่คูคต
วงเงินค่าก่อสร้างประมาณ 28,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 4 สัญญา ได้แก่สัญญาที่ 1 หมอชิต-สะพานใหม่ บริษัท อิตาเลี่ยนไทยฯ วงเงิน 15,000 ล้านบาท สัญญาที่ 2 สะพานใหม่-คูคต กลุ่ม UN-SHCHJoint Venture วงเงิน 6,600 ล้านบาท และสัญญาที่ 3 งานก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุง (เดปโป้) และอาคารจอดรถกลุ่ม STEC-ASJoint Venture วงเงิน 4,000 ล้านบาท และสัญญาที่ 4 งานจ้างออกแบบควบคู่การก่อสร้างระบบรางกลุ่ม STEC-ASJoint Venture วงเงิน 2,800 ล้านบาท โดยผู้รับเหมาได้ส่งมอบแผนการก่อสร้างเบื้องต้นให้รฟม. พิจารณาแล้วก่อนเสนอไปยังกรุงเทพมหานครเพื่อขออนุมัติเข้าใช้พื้นที่รวมถึงพื้นที่อื่น ๆ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยจะต้องวางแผนการก่อสร้างจะต้องเริ่มจุดไหนก่อนหลัง สะพานข้ามคลอง สะพานข้ามแยกที่จำเป็นจะต้องรื้อถอนจุดใดบ้าง เมื่อรื้อถอนไปแล้วจะนำไปเก็บที่ไหนรวมถึงแผนจัดการจราจรระหว่างก่อสร้างเมื่อหน่วยงานเจ้าของพื้นที่เห็นชอบ รฟม. จึงจะอนุญาตให้ผู้รับเหมาเข้าพื้นที่ซึ่งหลังจากลงนามสัญญาในวันที่ 3 แล้วจะต้องลงพื้นที่ภายใน 90 วัน คาดว่าจะเป็นช่วงเดือน มิ.ย. นี้
นายพีระยุทธ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้พื้นที่ก่อสร้างสัญญาที่ 1 หมอชิต-สะพานใหม่ ตามแผนงานมีความจำเป็นต้องรื้อสะพานรถยนต์ข้ามแยกรัชโยธินเพื่อก่อสร้างเป็นอุโมงค์ทางลอดแนวถนนรัชดาภิเษกและสะพานรถยนต์ข้ามแยกเกษตรจะต้องรื้อออกเช่นกัน เพื่อหลบแนวเสาตอม่อรถไฟฟ้าหลังก่อสร้างแล้วเสร็จจะสร้างสะพานใหม่ทดแทนบริษัท อิตาเลี่ยนไทยฯ ผู้รับเหมาเตรียมเสนอแผนการรื้อย้ายต่อ รฟม.โดยเสนอรื้อย้ายสะพานรถยนต์ข้ามแยกเกษตรก่อนเพื่อประเมินสถานการณ์ด้านการจราจร อีกทั้งเป็นการแจ้งเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนได้ทราบถึงสภาพการจราจรที่จะเกิดขึ้น เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงจากนั้นจึงจะเริ่มรื้อย้ายสะพานข้ามแยกรัชโยธินซึ่งถือว่าเป็นสะพานสำคัญ ถนนรัชดาภิเษกข้ามไปยังฝั่งธนฯ อีกทั้งเชื่อมต่อกับถนนวิภาวดีรังสิตซึ่งปริมาณรถมากและการจราจรติดขัดเป็นประจำ ระหว่างรื้อย้ายและก่อสร้างอุโมงค์ทางลอดทดแทนคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการจราจรอย่างมากจึงต้องวางแผนให้รอบคอบและรัดกุมมากที่สุด