ภาครัฐควรจะมีการยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีให้กับคนที่มีรายได้น้อย คนส่วนนี้ควรได้รับการยกเว้น
นายเลอศักดิ์ จุลเทศ รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
“ร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งกำลังเป็นปัญหาอยู่ ในขณะนี้ หากรัฐบาลมีความจำเป็นต้องหาเงินมาใช้ในการบริหารประเทศ ในความเห็นส่วนตัวมองว่ารัฐบาลจำเป็นต้องมีรายได้ แต่การพิจารณาทางเลือกในการหารายได้ ต้องดูว่ามีวิธีการใดที่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจที่จะส่งผลกระทบต่อภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนให้น้อยที่สุด”
ทั้งนี้ ทางเลือกในการพิจารณาจัดเก็บควรเลือกให้เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจมีความเสมอภาค สอดคล้องกับฐานะและรายได้ของประชาชน โดยเฉพาะสำหรับผู้มีรายได้น้อยจะทำอย่างไรให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด จึงต้องกำหนดหลักเกณฑ์และขั้นตอนและวิธีการการจัดเก็บที่ชัดเจนรัดกุม และควรประกาศให้ประชาชนได้รับทราบ เพื่อสร้างความเข้าใจ และลดความตื่นตระหนกของประชาชน
สำหรับข้อควรพิจารณาในเรื่องความเหมาะสมในการจัดเก็บ ไม่ว่าจะเป็นอัตราต่ำที่สุดตามระดับรายได้หรือตามฐานมูลค่าทรัพย์สิน
ระดับใดเท่าไร และมีเงื่อนไขผ่อนปรนอย่างไร ท้ายที่สุดเมื่อประกาศใช้ ยอมรับว่าจะส่งผลกระทบต่อทั้งผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวข้องบ้าง และน่าจะเป็นอุปสรรคกับภาคการลงทุนของเอกชนพอควร และคงส่งผลกระทบต่อภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนตามไปด้วย
ในฐานะที่อยู่แวดวงอสังหาริมทรัพย์ มองว่ากลุ่มลูกค้าบางส่วนอาจรอดูสถานการณ์ว่า จะมีการประกาศใช้กฎหมายอย่างไร ซึ่งขณะนี้แม้รัฐจะชะลอออกไปก่อน แต่ลูกค้ายังให้ความสนใจเรื่องนี้ เนื่องจากลูกค้าจะต้องนำค่าใช้จ่ายในการเสียภาษีมาเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาเพื่อตัดสินใจซื้อบ้านด้วย เช่น อาจมีการพิจารณาราคาบ้านต้องมีราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท หรือ 5 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งมีผลต่ออัตราการเสียภาษี เป็นต้น
ส่วนผลกระทบที่จะเกิดกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์นั้น ในส่วนของพฤกษาคงไม่มีนโยบายในการสะสมที่ดิน (Land Bank) เพราะที่ดินแต่ละแปลง หากจะซื้อก็จะเกิดขึ้นภายหลังจากการทำการตลาดแล้วและเห็นว่ามีจำนวนความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคในแต่ละทำเลเหมาะสมเพียงพอเพื่อจะทำโครงการ
ทั้งนี้ หากในที่สุดรัฐบาลกลับมาเดินหน้าร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ในส่วนของบริษัทอาจได้รับผลกระทบด้านต้นทุนและราคาขายอยู่บ้าง แต่ในส่วนของประชาชนนั้นคงมีผลพอสมควร
นายสัมมา คีตสิน
ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคาร อาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
“ส่วนตัวนั้นเห็นด้วยกับการที่รัฐบาลสั่งชะลอร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างออกไปก่อน เพราะในขณะนี้ยังมีความไม่เข้าใจ และเข้าใจคลาดเคลื่อนของผู้คนอีกจำนวนมากในสังคม และพอพูดถึงคำว่า “ภาษี” คนก็จะกลัว และเท่าที่ดูในขณะนี้เห็นว่า รัฐบาลยังพอมีเวลาสามารถรับฟังความคิดเห็นต่อไปได้อีกระยะ เพื่อให้ร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินที่ออกมาถูกใจทุกคนเท่าที่จะทำได้”
ทั้งนี้ แนวคิดหลักของร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นเรื่องที่ผมเห็นด้วยว่าเหมาะสมที่จะนำมาใช้ หลายรัฐบาลที่ผ่านมาตั้งแต่สมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ต่างมีแนวคิดที่จะจัดเก็บภาษีดังกล่าวมาตลอด เนื่องจากต้องการนำมาใช้ทดแทนภาษีบำรุงท้องที่ และภาษีโรงเรือน ซึ่งมีข้อจำกัดและช่องโหว่ในการจัดเก็บมากมาย เป็นเครื่องมือสำคัญต่อการเพิ่มรายได้ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่มีการชะลอร่าง พ.ร.บ.ออกไปก่อน กระทรวงการคลังคงต้องพิจารณาใน 2 เรื่องคือ เพดานอัตราภาษีและอัตราค่าลดหย่อนที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีของที่อยู่อาศัย เพราะคนทุกคนอาจไม่ได้ทำการเกษตร อาจไม่ ได้ใช้ที่ดินเพื่อการพาณิชย์ ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดินมากมาย แต่ทุกคนต้องการมีบ้าน มีที่อยู่อาศัย
“ในความเห็นส่วน ตัวนั้น เห็นว่า ภาครัฐควรจะมีการยกเว้น หรือลด หย่อนภาษีให้กับคนที่มีรายได้น้อย คนส่วนนี้ควรได้รับการยกเว้น ขณะที่อัตราภาษีที่เก็บกับคนรายได้ปาน กลาง ควรมีลักษณะเป็นขั้นบันได เช่นเดียวกับการเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ขณะเดียวกันในส่วนที่ดินเพื่อการพาณิชย์ การจัดเก็บภาษีไม่ควรสร้างภาระเพิ่มต่อเอกชนมากนัก ซึ่งเรื่องเหล่านี้ยังพอมีเวลาที่จะรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ได้อีกระยะหนึ่ง”