2 บิ๊กอสังหาฯ กางแผนธุรกิจ 5 ปี “พฤกษา” ตั้งเป้าโกยรายได้ยอดขายแสนล้านบาท โฟกัสตลาดกทม.-ปริมณฑล และหัวเมืองหลักที่มีศักยภาพ ด้านเอสซี ขอ 2 หมื่นล้านบาท
คุยกำไรสุทธิเพิ่มทุกปีและปี 2562 ต้องสูงกว่า 15% พร้อมขยายตลาดลงเล่นสนามบ้านราคา 3-5 ล้านบาทเป็นครั้งแรก
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนงานในช่วง 5 ปี (2558-2562) ว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้และยอดขายในปี 2562 ไว้ที่ 1 แสนล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย 20% ต่อปี บนพื้นฐานการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) เฉลี่ย 4-5% ต่อปี ซึ่งอัตราการเติบโตดังกล่าวจะส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัพย์มีการเติบโตเฉลี่ยที่ 5-7% ต่อปี คิดเป็นมูลค่าตลาดรวมทั้งประเทศ 8 แสนล้านบาท จากปัจจุบันมูลค่าตลาดรวมอสังหาริมทรัพย์ทั้งประเทศอยู่ที่ 6 แสนล้านบาท แบ่งเป็นกทม.-ปริมณฑล 3 แสนล้านบาท และต่างจังหวัด 3 แสนล้านบาท
สำหรับแผนการดำเนินงานในเบื้องต้น บริษัทจะมุ่งเน้นพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งในกรุงเทพฯปริมณฑล ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ และจังหวัดหัวเมืองที่มีศักยภาพ เนื่องจากเล็งเห็นว่า ในอนาคตการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์จะอยู่ตามหัวเมืองท่องเที่ยว หรือหัวเมืองการค้าชายแดน รวมทั้งการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี จะเป็นแรงผลักดันสำคัญในการเติบโตของภาคอสังหาฯ ทั้งในส่วนของความต้องการที่พักอาศัยและการเข้ามาลงทุนของชาวต่างชาติ
“ในส่วนของบริษัทเองมองว่า จ.ชลบุรีมีศักยภาพในการเติบโตสูง เนื่องจากมีแหล่งนิคมอุตสาหกรรม อีกทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โดยปัจจัยทั้ง 2 ส่วนนี้จะช่วยเสริมศักยภาพในการเติบโตของอสังหาฯ ได้เป็นอย่างดี โดยที่ผ่านมา จ.ชลบุรีมีมูลค่าตลาดอสังหาฯถึง 1 แสนล้านบาท”
ด้านนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เพื่อการเติบโตต่ออย่างมีเสถียรภาพมั่นคงในทศวรรษที่ 2 บริษัทตั้งเป้าหมายว่าในอีก 5 ปี (2562) จะทำรายได้ให้ถึง 2 หมื่นล้านบาท และอัตรากำไรสุทธิจะสูงกว่า 15%
โดยการเติบโตดังกล่าวจะดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ข้อ คือ1. ยุทธศาสตร์เชิงรุกในการลงทุน เพื่อสร้างรายได้ให้เติบโตอย่างต่อเนื่องตลอด 5 ปีจากการพัฒนาอสังหาฯ โดยการรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดบ้านเดี่ยวในระดับพรีเมียม และพร้อมที่จะรุกเข้าไปยังตลาด เซ็กเมนต์ระดับราคาใหม่ๆ ที่บริษัทยังไม่เคยเข้าไป เช่น ระดับราคา 3-5 ล้านบาท
2. ยุทธศาสตร์เชิงรับ “รีดไขมันไม่ลดคุณภาพ” ด้วยการบริหารต้นทุน และค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ 3. การรักษาคุณภาพระดับพรีเมียม ทั้งสินค้าและบริการ ควบคู่ไปกับการเติบโตของบริษัท 4. การมุ่งเน้นพัฒนาบุคลากร และสร้างวัฒนธรรมองค์กรแห่งการสร้างสรรค์และใส่ใจ และ 5. คิดค้นและพัฒนานวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง
สำหรับเป้าหมายในปี 2558 ซึ่งถือเป็นบันไดขั้นแรกของแผน 5 ปี บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตมากกว่า 10% จากรายได้ปี 2556 ด้านเป้าหมายยอดขาย 1.3 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิ มากกว่า 12% โดยมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 7 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับพรีเมียม 4 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 6 พันล้านบาท และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 7.66 พันล้านบาท
“ครึ่งปีแรกจะเปิด 2 โครงการหรู รวมมูลค่า 5.8 พันล้านบาท เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดลักชัวรี คือ โครงการกรานาดา ปิ่นเกล้า-เพชรเกษม มูลค่าโครงการ 2.15 พันล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียมซูเปอร์ลักชัวรี Saladaeng One บนทำเลศาลาแดงซอย 1 ราคาขายเริ่มต้นมากกว่า 2.8 แสนบาทต่อตร.ม. จำนวน 185 ยูนิต และ 2 พูลวิลล่า มูลค่าโครงการ 3.7 พันล้านบาท”
นอกจากนี้ ปี 2558 จะเป็นปีแรกที่บริษัทรุกลงตลาดบ้านระดับราคา 3-5 ล้านบาท โดยสร้างแบรนด์ใหม่ชื่อ PAVE จะเป็นบ้านซึ่งก่อสร้างด้วยระบบพรีแคสต์ เพื่อประหยัดแรงงาน ทั้งนี้ตั้งเป้าว่าในปี 2562 จะมีสัดส่วน 10-15% ของฐานรายได้บ้านแนวราบทั้งหมด เชื่อว่าจะสามารถรุกและทำได้ตามเป้าหมาย
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ