ค้าปลีกเดินหน้าพลิกถนนสุขุมวิท “ฮับชอปปิง” แข่งฮ่องกง-สิงคโปร์ ย่านราชประสงค์ ผนึก 5 กลุ่มยักษ์ ทุ่ม 6 หมื่นล้าน วางผังปฏิรูปเมืองแห่งอนาคต “บางกอก ดาวน์ทาวน์” ตั้งเป้า “ท็อปทรี” ย่านการค้า-ท่องเที่ยวแห่งเอเชียใน 3 ปี ด้าน สยามพิวรรธน์ ยกเครื่อง “สยามดิสคัฟเวอรี่”
เสริมแกร่งย่านปทุมวัน ด้าน “ดิ เอ็มควอเทียร์” ดีเดย์ 27 มี.ค.นี้ สานแผนปั้น เอ็มดิสทริค
การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนท่ามกลางโอกาสมหาศาลของประเทศไทย ที่มีความได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ของทำเลที่ตั้งศูนย์กลางแห่งภูมิภาคเอื้อต่อการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว คาดปริมาณนักท่องเที่ยวเยือนไทยจาก 25 ล้านคนจะเพิ่มเป็น 40 ล้านคน ใน 5 ปี เป็นปัจจัยสำคัญขับเคลื่อนการลงทุน ของกลุ่มผู้ประกอบการค้าปลีกสู่ยุคผนึกกำลังวางยุทธศาสตร์พัฒนา “ย่านการค้า” เทียบเมืองชั้นนำทั่วโลก อาทิ ย่านกินซ่า ชินจูกุ ประเทศญี่ปุ่น ย่านชองป์-เซลิเซ ฝรั่งเศส ย่านฟิฟท์ อเวนิว นิวยอร์ก ดึงดูดนักเดินทางจากทั่วโลกเข้ามาเยือน
ไล่ตั้งแต่ “ย่านปทุมวัน” ที่มีกลุ่มศูนย์การค้าขนาดใหญ่ สยามพารากอน-สยามเซ็นเตอร์สยามดิสคัฟเวอรี่-เอ็มบีเค ล่าสุด ย่านราชประสงค์ ผนึก 5 กลุ่มยักษ์ใหญ่ เซ็นทรัล, ไมเนอร์, ดิ เอราวัณ กรุ๊ป, เกษรพร็อพเพอร์ตี้, เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป และกลุ่มสมาชิก เปิดตัวโมเดลสร้างเมืองแห่งอนาคต “Ratchaprasong Bangkok Downtown-ราชประสงค์ บางกอก ดาวน์ทาวน์” ขณะที่ “ย่านเพลินจิต” เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ ปาร์คเวนเชอร์ และ นายเลิศกรุ๊ป ผสานความร่วมมือในนาม “เพลินจิตร ซิตี้” ขณะที้เดอะมอลล์ มุ่งพัฒนา ย่าน “เอ็มดิสทริค” ประกอบด้วย “ดิ เอ็มโพเรียม- ดิ เอ็มควอเทียร์-ดิ เอ็มสเฟียร์”
นายชาย ศรีวิกรม์ นายกสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA) กล่าวว่า สมาคมฯ วางยุทธศาสตร์การพัฒนาย่านราชประสงค์ให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและไลฟ์สไตล์ของกรุงเทพฯ รองรับนักธุรกิจและ นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่เดินทางเข้ามาใช้บริการกว่า 4 แสนคนต่อวัน หรือมากกว่า ปีละ 146 ล้านคน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 6-8 แสนคนต่อวันภายใน 3 ปีข้างหน้า
โดย 5 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ เซ็นทรัล กรุ๊ป ไมเนอร์ กรุ๊ป ดิ เอราวัณ กรุ๊ป เกษรพร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป และ เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จะร่วมกันขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้โมเดล “Ratchaprasong Bangkok Downtown – ราชประสงค์ บางกอก ดาวน์ทาวน์” มุ่งพัฒนาย่านราชประสงค์เป็นเมืองแห่งอนาคตของกรุงเทพมหานครในอีก 3 ข้างหน้า วางเป้าหมายเป็น “1 ใน 3” ย่านการค้าที่สมบูรณ์แบบของเอเชีย
ปั้น “บางกอก ดาวน์ทาวน์”
สำหรับโมเดล “ราชประสงค์ บางกอก ดาวน์ทาวน์” วางรูปแบบและโครงสร้างการพัฒนา 4 ทิศ ประกอบด้วย ทิศตะวันตก ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล ที่มีเซ็นทรัลเวิลด์เป็น แม่เหล็ก ร่วมด้วยห้างสรรพสินค้าเซน และอิเซตัน นำเสนอความหลากหลายของร้านค้าแบรนด์ต่างๆ ในปี 2559 จะมีการปรับโฉมเซ็นทรัลเวิลด์ครั้งใหญ่ โดยจะมี 6 ไฮไลท์ ไมซ์อีเวนท์ระดับโลก อาทิ การประชุมเชิงเศรษฐกิจ การแพทย์และสาธารณสุข สื่อสารมวลชน และธุรกิจสายการบิน เป็นต้น
ทิศใต้ เป็นพื้นที่ของฮอสพิทอลลิตี้และลักซ์ชัวรี่ เรสซิเดนส์ โดยมีโครงการภายใต้ การพัฒนาของไมเนอร์ กรุ๊ป ได้แก่ กลุ่ม ฮอสพิทอลลิตี้ คือ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯหรือโรงแรมโฟร์ ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ เดิม, โรงแรมเดอะเซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ และดำเนินการและบริหารให้กับ อนันตรา บ้านราชประสงค์ กรุงเทพฯ รวมทั้งกลุ่มเรสซิเดนส์ คือ เซนต์ รีจิสเรสซิเดนส์ นอกจากนี้ยังมีโครงการของกลุ่ม ดิ เอราวัณ กรุ๊ป โครงการอสังหาริมทรัพย์โดยกลุ่มแมกโนเลียฯ พัฒนา “แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด” พร้อมร่วมมือกับกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทในเครือฮิลตันเวิลด์ไวด์ นำแบรนด์โรงแรมระดับไฮเอนด์ของเครือฮิลตัน โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท “วอลดอร์ฟแอสโทเรีย” เปิดให้บริการ คาดแล้วเสร็จปี 2558 ซึ่งมีมูลค่าโครงการกว่า 6,000 ล้านบาท
ทิศตะวันออก มีการลงทุนของกลุ่มเกษร พร็อพเพอร์ตี้ ที่มีการขยายอาคารเกษร 2 สำนักงานทันสมัย ลงทุนกว่า 5,800 ล้านบาท พื้นที่กว่า 6.3 หมื่นตร.ม. รองรับนักธุรกิจชาวไทย และต่างชาติ เปิดบริการปี 2560
ทิศเหนือ เป็นการพัฒนาของ เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป ผ่านมาร์เก็ตสไตล์ 3 โครงการขนาดใหญ่ ได้แก่ เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ ศูนย์ค้าส่งรองรับลูกค้าชาวไทยและทั่วโลก โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ แพลทินัม ประตูน้ำ และ “เดอะมาร์เก็ต บายแพลทินัม” มูลค่าโครงการ 7,500 ล้านบาท พื้นที่ 2.2 แสนตร.ม. แล้วเสร็จปี 2560
“ทั้งหมดจะมีการเชื่อมต่อด้วยโครงการทางเชื่อมบางกอกสกายไลน์ความยาว 500 เมตร จาก เดอะ แพลทินัม แฟชั่นมอลล์ ประตูน้ำ สู่อาคาร เดอะมาร์เก็ตบาย แพลทินัม เข้าเกษร เชื่อมไปยังเส้นทาง สกายวอล์ก และ บีทีเอส งบลงทุน 400 ล้านบาท จะเปิดใช้งานไตรมาสแรก ปี 2559”
ดันผู้ใช้บริการในย่านพุ่ง8แสนคน
นายชาย กล่าวต่อว่า ราชประสงค์ บางกอก ดาวน์ทาวน์ คือ การวางผังปฏิรูปและพัฒนาย่านราชประสงค์ให้เป็นย่านเศรษฐกิจและไลฟ์สไตล์รองรับความต้องการของผู้ที่เข้ามาใช้บริการ ทั้งนักท่องเที่ยว นักธุรกิจจากทั่วโลก โดยวางเป้าหมายเป็นจุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดของกรุงเทพมหานคร เป็นศูนย์กลางรองรับนักเดินทางกลุ่มไมซ์ (City MICE Hub) และการเป็นคอมมูนิตี้แห่งความสุข (Happy Community) โดยจะใช้กลยุทธ์ Walkable Urbanism ในการสร้างความแข็งแกร่งในการเชื่อมโยงธุรกิจและไลฟ์สไตล์ของย่าน
ภายใต้โมเดลดังกล่าว คิดเป็นเม็ดเงินลงทุนสะพัดกว่า 6 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะทำให้มี นักท่องเที่ยวและผู้เข้ามาใช้บริการภายในย่านเพิ่มขึ้น 50-100% หรือ 6-8 แสนคนต่อวัน
ย่านราชประสงค์ประกอบไปด้วยโครงการขนาดใหญ่ อาทิ ศูนย์การค้าใจกลางกรุง 5 ศูนย์การค้า รวมกว่า 6.5 แสนตร.ม. โรงแรมหรูระดับ 3 ดาว จนถึงระดับลักซ์ชัวรี่ ให้บริการห้องพักมากกว่า 3,900 ห้อง และลักซ์ชัวรี่ เรสซิเดนส์กว่า 382 ยูนิต อาคารสำนักงาน 5 อาคาร รวมพื้นที่ 1 แสนตร.ม. และพื้นที่ จัดประชุมสัมมนา 4 หมื่นตร.ม.
“ความร่วมมือครั้งนี้ ต้องการสร้างการขีดสามารถในการแข่งขันและรองรับการเปิดอาเซียน ซึ่งมีกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทย 3% จากจำนวนนักท่องเที่ยวจีน 100 ล้านคน รวมถึงอินเดีย”
ไทยมีความได้เปรียบในแม่เหล็กต่างๆ ทั้งบริการโรงแรมระดับหรูหรา ความหลากหลาย ของร้านอาหาร แหล่งชอปปิง เอนเตอร์เทนเม้นท์ รวมถึงวัฒนธรรม ประเพณี สร้างประสบการณ์ให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยว ขณะเดียวกันจะยังต้องแข่งขันกับเมืองท่องเที่ยวต่างๆ โดยเฉพาะสิงคโปร์และฮ่องกง รวมถึงพนมเปญ ย่างกุ้ง และโฮจิมินห์ ซึ่งถือเป็นคู่แข่งที่กำลังไล่ตามกรุงเทพฯ
ยกเครื่องสยามดิสคัฟเวอรี่เสริมแกร่ง
ทางด้าน บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ สยามพารากอน และร่วมทุนโครงการ ไอคอนสยาม อยู่ระหว่างวางแผนปรับปรุง “สยามดิสคัฟเวอรี่” ครั้งใหญ่ คาดว่าใช้งบประมาณหลักพันล้านบาทขึ้นไป ให้มีความแตกต่างและเสริมความแข็งแกร่งศูนย์การค้ากลุ่มสยาม ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ทำการปรับปรุงสยามเซ็นเตอร์ และสยามพารากอน
ขณะที่กลุ่มเดอะมอลล์ เจ้าของโครงการ ดิ เอ็มโพเรียม ได้เปิดให้บริการโฉมใหม่ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเตรียมเปิดบริการชอปปิงมอลล์หรู “ดิ เอ็มควอเทียร์” กำหนดเบื้องต้นวันที่ 27 มี.ค. นี้ หลังจากนั้นพัฒนา “ดิ เอ็มสเฟียร์” ต่อเนื่อง โดยกลุ่มเดอะมอลล์วางยุทธศาสตร์พัฒนาพื้นที่การค้าย่านสุขุมวิท ในนาม “เอ็มดิสทริค” รวมพื้นที่ค้าปลีกกว่า 6.5 แสนตร.ม. เป็นพลังในการดึงดูดลูกค้าและ นักเดินทางจากทั่วโลกเข้ามาจับจ่ายใช้สอย
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ