อธิบดีกรมธนารักษ์คนใหม่มั่นใจการประเมินราคาที่ดิน 30 ล้านแปลงทั่วประเทศเสร็จก่อนกฎหมายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีผลบังคับใช้ เผยเปิดรับเจ้าหน้าที่กว่า 200 คนเข้ารับการ ฝึกอบรมด้านการประเมินราคาที่ดิน ขณะสั่งรื้อ 10 โครงการลงทุนในที่ราชพัสดุที่ยังมีปัญหากับภาคเอกชน
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวถึงแผนการดำเนินงานภายหลังเข้ารับตำแหน่งว่า ในระยะเร่งด่วนจะมุ่งเน้นปฏิบัติตามแนวนโยบายรัฐบาลคือการประเมินราคาที่ดินรายแปลงทั่วประเทศรองรับการบังคับใช้ของร่างกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่รัฐบาลอยู่ระหว่างการผลักดันให้มีผลบังคับใช้
“ขณะนี้ กรมธนารักษ์ได้ประเมินราคาที่ดินรายแปลงแล้วเสร็จไป 7 ล้านแปลง จาก 30 ล้านแปลงทั่วประเทศ ดังนั้นกรมฯต้องเร่งประเมินให้เสร็จทันการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว”
ขณะนี้ กรมธนารักษ์อยู่ระหว่างการรับบุคลากรเข้าช่วยประเมินราคาที่ดิน โดยเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมธนารักษ์ 60 คน และว่าจ้างพนักงานชั่วคราว 100-200 คน โดยกรมธนารักษ์ต้องฝึกอบรมเจ้าหน้าที่เหล่านี้ ให้มีความรู้ ด้านการประเมิน เพื่อถ่ายทอดให้แก่ท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นผู้จัดเก็บภาษี
นอกจากนี้ กรมธนารักษ์มีแผนว่าจ้าง ที่ปรึกษามาช่วยวางกรอบการทำงานประเมินที่ดิน เพื่อให้การประเมินราคาที่ดินมีความพร้อม รองรับการจัดทำแผนที่ที่ดินแบบดิจิทัลของประเทศ ซึ่งต้องประสานกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องกับการประเมินราคาที่ดินทั้งหมด เช่น กรมที่ดิน และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์กรมหาชน) หรือ GISTDA คาดว่า การวางกรอบการทำงาน ดังกล่าวจะเห็นภาพที่ชัดเจนภายใน 1 ปี
ส่วนแนวนโยบายการบริหารจัดการ ที่ราชพัสดุ นายจักรกฤศฏิ์ กล่าวว่า จะไม่เน้น การนำที่ราชพัสดุมาพัฒนาเชิงพาณิชย์ เพราะกรมธนารักษ์ ไม่มุ่งเน้นสร้างรายได้เพิ่ม แต่เน้นนำที่ราชพัสดุมาพัฒนาเป็นพื้นที่เชิงสังคมเช่นสวนสาธารณะ เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ชุมชนต่างๆ ซึ่งที่สุดแล้วผลที่ได้จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้ระบบเศรษฐกิจ
“จะให้ธนารักษ์พื้นที่ไปสำรวจว่า ใน แต่ละพื้นที่มีแปลงใดที่มอบส่วนราชการนำไปใช้ประโยชน์เป็น สวนสาธารณะ แต่ปล่อย ให้เป็นที่รกร้าง ไม่มีประชาชนเข้ามาใช้ จะขอคืนและนำมาพัฒนาเอง” สำหรับพื้นที่ราชพัสดุ ที่ยังมีปัญหากับภาคเอกชนในการพัฒนา เชิงพาณิชย์ จะเร่งรัดจัดการปัญหาที่ค้างคาให้ คืบหน้า ขณะนี้เท่าที่ประเมินมีอยู่ประมาณ 10 โครงการ เช่นที่ราชพัสดุบริเวณหมอชิต ที่ราชพัสดุบริเวณร้อยชักสาม หรือที่ราชพัสดุบริเวณศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เป็นต้น ภายใน 1 ปีจะเห็นภาพการแก้ไขปัญหาชัด
ส่วนการสนับสนุนพื้นที่ราชพัสดุเพื่อรองรับนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษนั้น เขา กล่าวว่า จะเข้าไปดูรายละเอียดในแต่ละพื้นที่ ว่ามีพื้นที่เหมาะสมแปลงใดบ้าง ซึ่งขณะนี้ รัฐบาลยังไม่ได้กำหนดพื้นที่ที่ชัดเจนว่า เป็นจุดใด บ้าง และกรมธนารักษ์มีพื้นที่รองรับหรือไม่
อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่า เมื่อรัฐบาลมี แผนจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษรองรับการค้าการลงทุนในแถบชายแดน ราคาที่ดินบริเวณดังกล่าวต้องขยับขึ้น ซึ่งกรมธนารักษ์ต้องเข้าไปดูภาพรวมการซื้อขายที่ดินว่า ราคาขยับจากปัจจุบัน ไปเท่าใด เพื่อนำมาเป็นข้อมูลประเมินราคา
ด้านนโยบายการบริหารเหรียญกษาปณ์ นายจักรกฤศฏิ์ กล่าวว่า จะให้น้ำหนักกับการบริหารจัดการเหรียญที่มีอยู่ในระบบที่ไม่สร้างภาระให้ธนาคารและภาคเอกชนในการนับและจ่ายแลก ว่าจ้างที่ปรึกษาช่วยวางกรอบประเมินที่ดิน รองรับแผนที่ที่ดินดิจิทัล
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ