ปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯ เป็นส่วนหนึ่งของการเพิ่มโอกาสคอนโดมิเนียมเติบโต ประกอบกับภาครัฐมีโครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า 3 เส้นทาง สายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ, สายสีน้ำเงิน บางซื่อ-ท่าพระ-บางแค และหัวลำโพง และสายสีแดง รังสิต-บางซื่อ-ตลิ่งชัน
ยิ่งเป็นปัจจัยเร่งตลาดคอนโด ในกรุงเทพฯ ขยายตัว นลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ที่ปรึกษาด้านการตลาดและการขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ตลาดคอนโดในกรุงเทพฯ ระยะ 3 ปี (2558-2560) เติบโตต่อเนื่อง 10-15% จากราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้น แผนการลงทุนของระบบขนส่งมวลชน การขยายโครงข่ายส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า รวมถึงการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ทำให้ความต้องการคอนโดจากตลาดต่างชาติมีมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้น เศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน อาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนการก่อสร้างและราคาขายคอนโด :3 ปีราคาที่ดินขึ้น 7% ทั้งนี้ ราคาขายคอนโดในกรุงเทพฯ ช่วง 3 ปี เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 7% ตามต้นทุนราคาที่ดิน จากปัจจุบันเฉลี่ย 95,567-116,950 บาทต่อตร.ม คาดปี 2560 ราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 117,000 แสนบาทต่อตร.ม. ย่านใจกลางกรุงเทพฯ ราคาขายเฉลี่ยปัจจุบัน อยู่ที่ 142,700 บาทต่อตร.ม. คาดเพิ่มเป็น 180,000 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 8% ส่วนย่านขอบเมือง (city fringe) จาก 80,500 บาทต่อตร.ม. ปรับเพิ่มเป็น 116,950 บาทต่อตร.ม. เพิ่ม 10% ย่านกรุงเทพฯ รอบนอก จากราคาเฉลี่ย 63,500 บาทต่อตร.ม. เพิ่ม 5% เป็น 73,509 บาท เนื่องจากยังมีที่ดินเหลือสำหรับการพัฒนาอยู่มาก “ที่ดินในเมืองหายาก ต้นทุนสูงขึ้น ทำให้คอนโดขยับออกจากในเมืองไปพื้นที่กรุงเทพฯ รอบนอก ปีที่ปีที่ผ่านราคาปรับตัวขึ้น 9% แนวโน้มห้องชุดมีขนาดเล็กลง เพื่อให้ผู้บริโภคซื้อได้”:ชี้5ทำเลทอง สำหรับทำเลยอดนิยม 5 อันดับแรก
ในการลงทุน คือ 1.โซนสาทร-ศาลาแดงหลังสวน คาดราคาขายเปิดใหม่ ขยับเป็น 250,000 บาทต่อตร.ม. จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 2 แสนบาทต่อตร.ม. 2.โซนสุขุมวิท ซ.39-สุขุมวิท ซ.49-หล่อหล่อ ราคาขายเพิ่มเป็น 250,000- 300,000 บาทต่อตร.ม. ปีที่ผ่านมา ราคาขายติดริมถนน 220,000 บาทต่อตร.ม. ราคาในซอย 150,000-170,000 บาทต่อตร.ม. 3.โซนพหลโยธินตอนต้น ใกล้เมือง และมีระบบขนส่งมวลชนรองรับ ราคาขายใหม่ 150,000 บาท จากปีที่แล้ว 120,000บาทต่อตร.ม. 4.โซนเพชรเกษม-ท่าพระ ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าบางหว้าและรถไฟสายสีน้ำเงิน โซนนี้ ยังมีที่ดินเหลือที่จะพัฒนาโครงการใหม่ได้ ราคาขาย 90,000 บาทต่อตร.ม. จากราคา 70,000 บาทต่อตร.ม. และ 5.รามอินทรา เป็นทำเลใหม่ในการพัฒนาคอนโด ซัพพลายยังน้อย ราคาขายไม่สูงมากอยู่ที่ 60,000 บาทต่อตร.ม. อนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูวิ่งผ่าน คอนโดหรู ในกรุงเทพฯ ราคาปรับตัวขึ้นแรงเช่นเดียวกัน จากราคาขายเฉลี่ย 200,000 บาทต่อตร.ม. คาดขยับเป็น 300,000 บาท ต่อตร.ม. หรือ 15-185 ล้านบาทต่อยูนิต อย่างไรก็ดี ปีนี้ ผู้ประกอบการรายใหญ่
ยังลงทุนโครงการใหม่ต่อเนื่อง รวมทั้งมีการเข้าไปซื้อทรัพย์สินต่างประเทศเพื่อปล่อยเช่า และยังมีผู้เล่นรายใหม่ขยายธุรกิจอสังหาฯ ต่อเนื่อง เพราะมองว่าได้กำไรดี นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ประกอบการจะหันมาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแบบลักซัวรี่มากขึ้น ระดับราคา 250,000-300,000 บาทต่อตร.ม. หรือมากกว่า 15 ล้านบาทต่อยูนิต คาดปีนี้ เปิดตัวกว่า 10 โครงการ ทั้งคอนโดและบ้าน ขณะที่ คอนโดในต่างจังหวัด ผู้ประกอบการชะลอลงทุน เนื่องจากมีซัพพลายสะสมจำนวนมาก ต้องแข่งขัน กับผู้ประกอบการในท้องถิ่น ส่วนของตลาดศรีราชายังขยายตัวได้ เพราะมีกลุ่ม ซื้อปล่อยเช่าลูกค้าญี่ปุ่น
5 ปีอาคารชุดสินค้าหลักอสังหาฯ แอลพีเอ็นฯ ผู้นำตลาดคอนโดระดับกลาง-ล่าง ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พัฒนากว่า 102 โครงการ จำนวน 100,000 ยูนิต โดยปี 2556 เปิดขายคอนโดใหม่ 85,000 ยูนิต ปีที่ผ่านมา เปิดใหม่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวม 78,000หมื่นยูนิต ปีนี้คาดเพิ่มเป็น 80,000 ยูนิต โอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล. พี. เอ็น ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า คอนโดจะเป็นตลาดหลักของที่อยู่อาศัยไปอีก 5 ปีนับจากนี้ คาดมี คอนโดเปิดใหม่ 80,000 ยูนิต โดยปัจจัยเรื่องของราคาที่ดินปรับสูงขึ้นทุกทำเล ยิ่งมีการขยายโครงข่ายรถไฟฟ้า ผลักดันราคาที่ดินปรับขึ้น ไม่สามารถพัฒนาโครงการแนวราบได้ “คอนโดราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาทขยายตัวได้ แม้วมองว่าเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงจากปัญหาหนี้ครัวเรือน” สัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ มองในทิศทางเดียวกัน ตลาดคอนโดยังคงเติบโตได้อีก แม้ปีที่ผ่านมาจะติดลบ 25% เนื่องจากปัจจัยบวกที่จะผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโต อาทิ แนวโน้มเมืองใหญ่ ทั่วโลกอย่างเช่น ฮ่องกง และสิงค์โปร์ ที่คอนโดจะเป็นที่อยู่อาศัยของคนเมือง และไทยอยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่ายตลาดที่อยู่อาศัย ปัจจัยที่ดินที่มีราคาแพง ทำให้ที่อยู่อาศัยต้องหันมาพัฒนาในรูปแบบคอนโดมากขึ้นหากต้องการที่จะอยู่อาศัยในพื้นที่ที่มีความเจริญ อิทธิพลจากรถไฟฟ้าทำให้คนต้องการอยู่ใกล้รถไฟฟ้ามากขึ้นเพราะได้รับความสะดวกสบาย การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) จะเกิดการเคลื่อนย้ายแรงงานก่อสร้างและเกิดความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโด การลงทุนจากชาวต่างชาติที่ในปีนี้อาจจะยังชะลอตัวอยู่ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่คาดว่าใน 6 เดือนแรกของปีนี้ยังทรงตัว การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษที่จะเกิดการลงทุนสาธารณูปโภค และการลงทุนของภาคเอกชน อาทิ กลุ่มเซ็นทรัลที่ประกาศจะลงทุนศูนย์การค้าเซ็นทรัลใหม่ปีละ 3 แห่ง เป็นต้น
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ