เสนาดีเวลลอปเม้นท์ หวังเศรษฐกิจฟื้น เมกะโปรเจครัฐ ดันอสังหาฯ โต เดินหน้าผุด 11 โครงการ มูลค่า “หมื่นล้าน” พร้อมรุกคอนโด ไฮเอนด์ ราคา 1 แสนบาทต่อตร.ม. กระจายความเสี่ยง หลังยอดรีเจคพุ่ง 23%
นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทเตรียมเปิด 11 โครงการใหม่ มูลค่ารวมประมาณ 1 หมื่นล้านบาท พร้อมขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ในระดับผู้มีรายได้ประมาณ 1 แสนบาทต่อเดือน และขยายพื้นที่ในการพัฒนาในทำเลโซนตะวันตกเพิ่มขึ้น เพราะยังมีช่องว่างของตลาด และเป็นการกระจายความเสี่ยง นำร่องเปิดคอนโด “เดอะนิช ไพรด์” ย่าน ถ.เพชรบุรี ราคาขาย 9 หมื่นบาท ถึง 1 แสนบาทต่อตร.ม. หรือเริ่มต้น ประมาณ 3 ล้านบาท
“ความผันผวนการทำธุรกิจปีนี้ยังมีอยู่สูง แนวการบริหารจะใช้กลยุทธ์ไฟนีออน คือ มีความชัดเจนทั้งในเรื่องแบรนด์ การแบ่งเซ็กเมนต์ ตลาดและบริหารหลังการขาย โดยเพิ่มการพัฒนาโครงการที่จับกลุ่มลูกค้าตลาดบนมากขึ้น เพราะปีที่ผ่านมาพบว่า อัตราการปฏิเสธสินเชื่อ (รีเจค) ของลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 23% จากปี 2556 อยู่ที่ 15-16% ซึ่งบ้านที่ราคาสูงขึ้น ลูกค้าจะต้องมีรายได้มากขึ้น ช่วยลดอัตรารีเจคได้”
นอกจากนี้ บริษัทพร้อมตั้งรับกับปัจจัยเสี่ยง ที่จะเข้ามากระทบธุรกิจ ให้ความสำคัญเรื่องการเงินและพร้อมปรับตัวรวดเร็ว พร้อมกันนี้จัดสรรงบ 1,000 ล้านบาท สำหรับซื้อที่ดินใหม่ และยังมีการวางแผนออกหุ้นกู้มูลค่า 1,200 ล้าน บาท อายุ 2-3 ปี ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้
บริษัทได้ขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจที่สร้างรายได้ไห้กับบริษัทอย่างสม่ำเสมอ (Recuring Income) โดยการลงทุนโครงการโซลาร์รูฟท้อปส์ 750 กิโลวัตต์ โดยจะเริ่มรับรู้รายได้และบันทึกเป็นกำไรพิเศษเข้ามาในช่วงไตรมาสสอง คาดว่าจะมีกำไรพิเศษจากการขายไฟ 6 ล้านบาทต่อปี
ภาพรวมธุรกิจอสังหาฯ ปีนี้ จะเติบโตมากกว่าปีที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนภาครัฐที่มีความชัดเจนมากขึ้น คาดว่าจะมีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ ซึ่งการขยายการลงทุนใหม่ อาทิ รถไฟฟ้าจะส่งผลดีโดยตรงกับภาคอสังหาฯ เพราะเป็นการเปิดพื้นที่ใหม่ในการพัฒนาที่อยู่อาศัย และทำให้ราคาที่ดินไม่ปรับสูงขึ้นเร็วเกินไป ส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจด้วย โดยอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ และมีแนวโน้มลดลง ทำให้ต้นทุน ผู้พัฒนาโครงการลดลง และทำให้ความสามารถในซื้อและกู้บ้านของผู้บริโภคสูงขึ้น
อย่างไรก็ตามปัจจัยเสี่ยงคือ ราคาที่ดินที่ปรับสูงขึ้น ซัพพลายที่มีอยู่จำนวนมากในตลาด การพัฒนาโครงการใหม่ต้องระมัดระวัง รวมทั้งหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงมากกว่า 80% ต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ(จีดีพี) กระทบต่อกำลังซื้อ โดยเฉพาะกลุ่มคน รายได้น้อย
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ