“ธนารักษ์” เตรียมพื้นที่กว่า 2,500 ไร่ หนุนตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษรองรับเออีซีตามนโยบายรัฐบาล “หอการค้าตาก” ประเมินเอื้อรายใหญ่ลงทุน เหตุราคาที่ดินพุ่งมากกว่า 10 เท่า ทำรายเล็กหมดสิทธิขยายธุรกิจ ด้านหอการค้าหนองคาย เสนอรัฐควรให้สิทธิ์นักลงทุนท้องถิ่นลงทุนก่อน
นายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ กรมธนารักษ์ได้เตรียมที่ราชพัสดุที่มีศักยภาพ เพื่อสนับสนุนการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเพื่อรองรับเออีซี ตามนโยบายของรัฐบาล โดยได้ตั้งคณะทำงานศึกษาเพื่อคัดเลือกพื้นที่ เบื้องต้นสรุปพื้นที่ได้ทั้งหมดจำนวน 38 แปลง พื้นที่ 2,501 ไร่ ใน 5 เขตเศรษฐกิจพิเศษ
ประกอบด้วย อ.แม่สอด จ.ตาก จำนวน 6 แปลง พื้นที่ 505 ไร่ อ.สะเดา จ.สงขลา จำนวน 3 แปลง พื้นที่ 150 ไร่ จ.มุกดาหาร จำนวน 10 แปลง พื้นที่ 740 ไร่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด จำนวน 5 แปลง พื้นที่ 251 ไร่ และ จ.สระแก้ว จำนวน 14 แปลง พื้นที่ 855 ไร่
เขากล่าวว่า เมื่อคณะทำงานสรุปพื้นที่ดังกล่าวได้ จะได้นำเสนอให้ระดับนโยบายได้พิจารณาคัดเลือก อย่างไรก็ตาม พื้นที่ส่วนใหญ่ จะเป็นพื้นที่มีส่วนราชการครอบครองอยู่ หากรัฐบาลต้องการใช้พื้นที่ เพื่อสนับสนุนให้เอกชนเช่า จัดตั้งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ออกมา จะต้องประกาศเป็นนโยบายออกมาอีกครั้งหนึ่ง
นายประเสริฐ จึงกิจรุ่งโรจน์ เลขาธิการหอการค้า จ.ตาก กล่าวว่า ปัญหาราคาที่ดิน ปรับตัวสูงขึ้นมีมาตลอดและส่งผลรุนแรง มากขึ้นหลังรัฐผลักดันเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยภายในเวลา 1 ปีที่ผ่านมา พบว่าราคาที่ดินขยับจาก ไร่ละ 3-4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นไร่ละ 20 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับ 4-5 ปี ที่ผ่านมา ที่เคยซื้อในราคาไร่ละ 5 แสนบาท เมื่อขึ้นมาถึง 20 ล้าน เป็นผลมาจากการเก็งกำไร ของกลุ่มทุนต่างๆ ที่เข้ามาจับจองพื้นที่ล่วงหน้า เพื่อหวังขายที่ดินต่อ
ปรากฏการณ์ดังกล่าว ส่งผลต่อแผนการลงทุนของภาคธุรกิจในจังหวัด ทำให้ไม่สามารถขยายกิจการได้ เพราะราคาที่ดินสูงกว่าความเป็นจริง ดังนั้นประเมินว่ากลุ่มธุรกิจที่เข้ามาพัฒนาเศรษฐกิจในช่วงต่อไปจึงอาจจะเป็นกลุ่มทุนขนาดใหญ่เป็นหลัก
การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษในจ.ตากถือว่าท้าทายและมีตัวแปรหลากหลายด้าน เพราะรัฐบาลขยายพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ จาก อ.แม่สอด ไปยังอ.พบพระ และอ.แม่ระมาด ส่งผล ทำให้ราคาที่ดินแพงทั้ง 3 อำเภอ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการผลักดันของนักเก็งกำไรในพื้นที่
“การแก้ปัญหาราคาที่ดินแพงในพื้นที่ อาจเป็นเรื่องยากและซับซ้อน เพราะราคาที่ดินสูงขึ้นพร้อมกันทั้ง 3 อำเภอ การเข้าไปหาพื้นที่ของรัฐอาจจะทำได้ระดับหนึ่ง แต่การจัดสรรที่ดินของรัฐเพื่อนำมาพัฒนาเป็นเขตนิคม หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษอาจจะมีปัญหาในพื้นที่ เพราะแนวโน้มมีการบุกรุกพื้นที่เพิ่มขึ้น มีกลุ่มนักเก็งกำไร นายหน้าเข้าไปกว้านซื้อที่ดินจำนวนมาก ดังนั้นผู้ที่เข้ามานั่งเป็นคณะกรรมการบริหารจัดการปัญหาดังกล่าวจะต้องเป็นบุคคลที่มี ธรรมาภิบาล และทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม”
หนุนให้สิทธิเอสเอ็มอีในพื้นที่ก่อน
นางสาวดวงใจ สุขเกษมสิน เลขาธิการหอการค้าจ.หนองคาย เปิดเผยถึงรูปแบบการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ จ.หนองคายว่า ควรจะสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดที่วางไว้ใน 3 ด้าน คือ การเป็นศูนย์กลางครัวไทยสู่อาเซียน, ท่องเที่ยว และโลจิสติกส์ รองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี) ในปลายปี 2558
“กลุ่มธุรกิจในจังหวัดที่ไม่ต้องการการลงทุนอุตสาหกรรมหนัก แต่ต้องการการลงทุนในธุรกิจที่ต่อยอดสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจเกษตรและบริการ เพื่อกระจายรายได้ไปยังผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) และประชาชน”
นางสาวดวงใจ กล่าวว่า ที่ผ่านมาการพัฒนาต่างๆ มักไปตกอยู่กับกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ทำให้ต้นทุนการดำเนินการค่อนข้างสูง โดยเฉพาะ ราคาที่ดินที่ขยับไปมาก กลายเป็นอุปสรรคการลงทุนในที่สุด โดยเฉพาะจ.หนองคาย ที่เตรียมพัฒนาเป็นเมืองหน้าด่านสู่อาเซียน เชื่อมต่อกับลาว ส่งผลให้ราคาที่ดินใจกลางเมืองขยับสูงถึงไร่ละเกือบ 20 ล้านบาท เป็นผลมาจากกลุ่มทุนที่แห่เข้าไปลงทุน คาดว่าเมื่อประกาศให้จ.หนองคายเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ จะส่งผลทำให้ราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้นไปอีก
เลขาธิการหอการค้า จ.หนองคาย ยังกล่าวว่า หอการค้าหนองคายได้เสนอให้รัฐบาลให้สิทธิการลงทุนในผู้ประกอบการ และประชาชนในพื้นที่ก่อน เพื่อกระจายรายได้และสร้างมูลค่าเพิ่ม รวมถึงป้องกันการเก็งกำไร โดยเปิดโอกาสให้กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี แข่งขันได้ เปิดโอกาสให้ เอสเอ็มอี มีโอกาสขยายกิจการหรือลงทุนเพื่อรับสิทธิประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว โดยไม่ต้องไปแข่งขันซื้อที่ดินที่มีราคาแพง ทำให้ต้นทุนประกอบการสูงขึ้น
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ