เมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายน 2557 ที่ผ่านมา กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชนครั้งที่ 1 โครงการศึกษาความเหมาะสมจัดทำแบบเบื้องต้นและจัดเตรียมเอกสารประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้ารางเดี่ยว หรือโมโนเรล สายสีเทา ช่วงวัชรพล-สะพานพระราม 9-ท่าพระ ซึ่งโครงการนี้ดำเนินการภายใต้หลักการและเหตุผลของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2553 ที่มีมติเห็นชอบแผนแม่บทระบบขนส่งทางรางในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล พ.ศ.2553-2572 ซึ่งรวมถึงโครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเทาด้วย
โครงการนี้จะเป็นเส้นทางของโครงข่าย รอง มีเส้นทางตามแนวแกนเหนือ-ใต้ ที่เชื่อมต่อพื้นที่ชุมชนหนาแน่นของกรุงเทพฯชั้นในย่านสาธุประดิษฐ์และริมแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าสู่ศูนย์กลางกรุงเทพฯ โดย กทม.มุ่งหวังให้รองรับการเจริญเติบโตของเมืองและเพื่อป้อนผู้โดยสารเข้าระบบขนส่งมวลชนหลัก
สำหรับการออกแบบโครงการ เบื้องต้น กำหนดมีสถานีจำนวน 39 สถานี โดยเริ่มต้นจากสถานีวัชรพลและสิ้นสุดที่สถานีท่าพระ ระยะทาง 39.91 กิโลเมตร (กม.) ใช้งบลงทุนตลอดสาย 63,500 ล้านบาท โดยแบ่งการก่อสร้างเป็น 3 ระยะ ทั้งหมดนี้ไม่มีการเวนคืนที่ดินประชาชน โดยระยะที่ 1 จะก่อสร้างช่วงวัชรพล-ทองหล่อ เป็นเส้นทางแรกก่อน ระยะทาง 16.25 กม. จำนวน 15 สถานี ใช้เงินลงทุนประมาณ 24,000 ล้านบาท โดยเริ่มต้นบริเวณถนนประดิษฐ์มนูธรรม จุดตัดถนนรามอินทรา มุ่งหน้าลงใต้ตามถนนประดิษฐ์ มนูธรรม ผ่านซอยนวลจันทร์ ข้ามถนนเกษตรนวมินทร์ และสิ้นสุดที่จุดตัดถนนลาดพร้าว เข้า ถนนลาดพร้าว มุ่งหน้าลงใต้ ผ่านถนนประชาอุทิศ ถนนพระราม 9 ยกข้ามทางพิเศษศรีรัช เลี้ยวเข้าถนนเพชรบุรี เลี้ยวซ้ายเข้าซอยทองหล่อจนบรรจบกับจุดตัดถนนสุขุมวิท แล้วแยกระบบบริเวณปากซอยทองหล่อ
หลังจากเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นแล้ว จะมีการศึกษาผล กระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) จากนั้นจึงจะประกวดราคาหาผู้รับจ้างก่อสร้างโครงการระยะที่ 1 โดยวางแผนก่อสร้างในปี 2559 ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2562
ส่วนการก่อสร้างในระยะที่ 2 ช่วงพระโขนง-พระราม 3 ระยะทาง 12.17 กม. งบประมาณการก่อสร้าง 15,000 ล้านบาท และช่วงที่ 3 พระราม 3-ท่าพระ ระยะทาง 11.49 กม. งบประมาณการก่อสร้าง 18,000 ล้านบาท ซึ่ง กทม.จะศึกษาความเหมาะสมในการก่อสร้างต่อไป ภายหลังได้เปิดให้บริการในระยะแรกไปก่อน
ล่าสุดวันที่ 20 มกราคม ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. เป็นประธานเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 2 มีประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมงานกว่า 300 คน
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวว่า กทม.มีความตั้งใจจะ เป็นผู้จัดหางบประมาณลงทุนก่อสร้างเองทั้งหมด โดยไม่มีแนวคิดจะให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาวิธีการจัดหา งบประมาณ ว่าจะดำเนินการในรูปแบบของการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศ หรือการออกพันธบัตร
“หากโครงการนี้เสร็จจะเป็นระบบขนส่งมวลชนระบบรองที่ประชาชนสามารถใช้เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าในระบบหลักได้ 6 สาย คือรถไฟฟ้าสายสีชมพู เหลือง ส้ม แดง เขียว และสีน้ำเงิน ซึ่งจะทยอยแล้วเสร็จในอนาคต คาดว่าในปี 2592 จะมีปริมาณผู้โดยสารบนระบบสูงสุดในช่วงวัชรพล-ทองหล่อ มากถึง 10,500 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง ช่วงพระโขนง-พระราม 3 ประมาณ 10,800 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง และช่วงพระโขนง-ท่าพระ ประมาณ 11,700 คน ต่อชั่วโมงต่อทิศทาง” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าว
ในการศึกษาความเหมาะสมของการก่อสร้าง พบว่าการสร้างระบบโมโนเรลมีผล กระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าระบบหลักอย่าง บีทีเอสและเอ็มอาร์ที โดยเฉพาะผลกระทบในระยะก่อสร้างที่มีขนาดเสารองรับโครงสร้างทางวิ่งขนาดเล็กกว่า และนำโครงสร้างยกมาประกอบที่หน้างานได้ จึงทำให้รบกวนการสัญจรทางถนนของประชาชนน้อยกว่าระบบ
ขณะที่ประชาชนที่มาร่วมงานส่วนใหญ่เห็นด้วยกับโครงการ แต่ก็มีความกังวลถึงผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
นพ.มกราเทพ เทพกาญจนา ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ก่อสร้างบริเวณท่าพระ กล่าวว่า โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารูปแบบโมโนเรล ในต่างประเทศจะในเป็นระบบขนส่งในระยะสั้นๆ แต่โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเทาของ กทม.นั้นมีระยะทางเกือบ 40 กม.อาจไม่เหมาะในการก่อสร้าง อีกทั้งการคาดการณ์ปริมาณการใช้งานของประชาชนอาจมีความคลาดเคลื่อนได้ หากในอนาคตเส้นทางดังกล่าวมีประชาชนใช้บริการจำนวนมากกว่าที่คาดไว้ รถไฟฟ้าโมโนเรลอาจรองรับจำนวนผู้โดยสารได้ไม่เพียงพอ จึงอยากให้ กทม.ศึกษาให้รอบคอบมากที่สุด เพื่อให้งบประมาณที่ใช้ในการก่อสร้างเกิดความคุ้มค่ามากที่สุด
ขณะที่ นายธนิต เกียรติปานอภิกุล ประชาชนในพื้นที่ก่อสร้างรถไฟฟ้า กล่าวว่า เส้นทางก่อสร้างรถไฟฟ้าดังกล่าวเป็นเส้นทางแนวเดียวกับเส้นทางของรถโดยสาร บีอาร์ที กังวลว่า กทม.จะยกเลิกการเดินรถ บีอาร์ที อยากให้มีการเดินรถเช่นเดิม เนื่องจากหากรถโมโนเรลเกิดความขัดข้อง บีอาร์ทีจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยขนส่งประชาชนได้ อีกทั้งรถไฟฟ้าโมโนเรลเป็นรถไฟฟ้าขนาดเล็ก สามารถขนส่งผู้โดยสารได้ในปริมาณจำกัด หากในอนาคตมีผู้โดยสารมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รถโดยสาร บีอาร์ทีจะเป็นส่วนช่วงแบ่งเบาผู้โดยสารได้
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคนที่แสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการก่อสร้าง อาทิ ปัญหาขยะ การจราจรที่จะติดขัดช่วงก่อสร้าง จึงได้เสนอ กทม.จะหาแนวทางบรรเทาปัญหาเหล่านี้ด้วย ซึ่ง กทม.ก็รับข้อคิดเห็นไปบรรจุในแผนงาน เพื่อให้การก่อสร้างกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด