กูรูชี้ทองคำย่อตัว ไม่ได้แปลว่าเป็น “ขาลง”

ราคาทองคำที่ทะยานไม่หยุดหย่อนก่อนหน้านี้ มีมาสะดุดลงบ้างในช่วงนี้ แต่จะสะดุดยาว หรือยังไปต่อได้ ลองมาดูมุมมองจากคนในวงการ

“จิตติ ตั้งสิทธิภักดี” นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ราคาทองที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็นผลจากการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งช่วงแรกมองว่าจะปรับได้ 3-4 ครั้งในปีนี้

แต่ด้วยเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง ทำให้มองว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยน้อยลง หรืออาจจะยังไม่ปรับลดลงในปีนี้ ซึ่งหากลดดอกเบี้ยราคาทองจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นปกติ แต่ถึงตอนนี้มองว่าเรื่องดอกเบี้ยเป็นประเด็นรองไปแล้ว

โดยสาเหตุที่ราคาทองปรับเพิ่มขึ้นแรงที่ผ่านมา เนื่องจากธนาคารกลางหลายประเทศลดบทบาทค่าเงินดอลลาร์ แบ่งพอร์ตมาเป็นทองคำ จึงทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นสูง ที่ผ่านมาส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศปรับสูงสุดขึ้นไป 42,000 บาท ขณะที่สงครามระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน มองว่าเป็นช่วงระยะสั้น

“ช่วงนี้ที่ราคาทองคำปรับลดลง สาเหตุเกิดจากที่นักลงทุนเก็งกำไร มีการเข้าซื้อและเทขาย ทำให้ราคาทองลดลง ส่วนระยะกลางถึงระยะยาวโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นยังมี แม้ว่าเฟดจะชะลอการปรับลดดอกเบี้ย มองว่าปีนี้จะเห็นราคาทองคำ Spot ที่ 2,500 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ขณะที่ทองในประเทศ ปัจจัยขึ้นอยู่กับค่าเงินบาท อาจจะอยู่ที่ 43,500-44,000 บาทในปีนี้”

ขณะที่ “นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ” ประธานกรรมการฝ่ายบริหาร กลุ่มบริษัทในเครือเอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก (MTS) กล่าวว่า ราคาทองคำในระยะสั้น 1-2 สัปดาห์ จะอยู่ในช่วงพักฐาน โดยมีแนวรับระยะสั้นที่ 2,290 เหรียญ แนวต้าน 2,350 เหรียญ ระยะกลางแนวรับสำคัญ 2,250 เหรียญ ภาพรวมของทองคำมองว่า ยังเป็นแนวโน้มขาขึ้นได้อีก ซึ่งการที่ราคาทองคำมีการย่อตัว หรือปรับฐาน ไม่ได้หมายความว่าเปลี่ยนเป็นขาลง

สำหรับแนวโน้มระยะยาว 3-5 เดือน คาดว่าเฟดจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ประมาณเดือน ก.ย.นี้ อาจจะลด 1 ครั้ง หรืออาจจะไม่ได้ปรับลด ซึ่งขึ้นอยู่กับตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐที่ประกาศออกมาในแต่ละเดือน ซึ่งตัวเลข CPI ในช่วงที่ผ่านมาอยู่ในระดับสูง ซึ่งหากเงินเฟ้อไม่ปรับลดลง เฟดอาจจะไม่ลดดอกเบี้ย หรืออาจจะยืดระยะเวลาการลดดอกเบี้ย

“การลดและไม่ลดดอกเบี้ยของเฟด จะมีผลต่อราคาทองคำอย่างมีนัยสำคัญ หากเฟดไม่ลดดอกเบี้ยในปีนี้ หรือยืดการลดดอกเบี้ยไปจนถึงเดือน ต.ค.-ธ.ค. จะทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นได้ไม่มากนัก เพราะการลดดอกเบี้ยของเฟดเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ ดังนั้น ถ้าลดอาจจะเห็นราคาทองคำทำนิวไฮใหม่ แต่จะถึง 45,000 บาท หรือไม่นั้น ไม่แน่ใจ เนื่องจากราคาทองคำมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวเนื่อง”

“นพ.กฤชรัตน์” กล่าวว่า ยังต้องติดตามประเด็นเรื่องสงคราม รวมถึงช่วงเดือน พ.ย.ปีนี้ จะมีการเลือกตั้งของสหรัฐ ซึ่งหลายครั้งในการเลือกตั้งสหรัฐมักจะมีแคมเปญในการเลือกตั้ง และจะนำมาสู่การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ทั่วโลกมองว่าสหรัฐจะมีมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือทำ QE อีกครั้ง จึงต้องจับตา

ด้าน “ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์” ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าเฟดจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในเดือน ก.ย., พ.ย. และ ธ.ค. ครั้งละ 0.25% โดยจะทำให้ราคาทองคำ Spot ทะยานเพิ่มขึ้นไปที่ 2,450 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ได้

ขณะที่ปัจจัยด้านสงครามระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน หากมีการปะทะกันเกิดขึ้น หรือหากมีคู่ขัดแย้งใหม่อย่าง จีน-ไต้หวัน อาจจะได้เห็นราคาทองคำในปีนี้ทะลุ 2,450 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ และราคาทองคำในประเทศจะแตะที่ 43,200 ล้านบาท

“ช่วงนี้ถ้าราคาทองคำขึ้นแรง อาจจะเป็นตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่เปลี่ยนแปลง หรือถ้าหากมีประเด็นเรื่องสงครามก็จะเห็นราคาทองเพิ่มขึ้นได้เร็ว ภาพรวมเรามองว่าราคาทองคำยังเป็นทิศทางขาขึ้น”