เช่าซื้อรถซึมยาวทุกเซ็กเมนต์ “รถใหม่” ยัน “รถยึด” สภาพตลาดไม่เอื้อโต

เช่าซื้อรถส่อซึมยาวทุกเซ็กเมนต์ ตั้งแต่ “รถใหม่” ยัน “รถยึด” ตามสภาพตลาด “สมาคมเช่าซื้อ-แบงก์-ลานประมูลรถ” ประสานเสียงธุรกิจซึมยาว เหตุเศรษฐกิจไม่ฟื้น-กำลังซื้ออ่อนแอ-หนี้ครัวเรือนสูง “นายกสมาคมเช่าซื้อไทย” คาดปีนี้ยอดขายรถใหม่ทั้งปีเหลือ 7.5 แสนคัน ขณะที่ยอดปฏิเสธสินเชื่อยังสูง-เข้มปล่อยกู้รถกระบะ “ทีทีบี” รับแบงก์เข้มปล่อยสินเชื่อ ชะลอแข่งดอกเบี้ย-ลดกลุ่มเสี่ยงสูง “แอพเพิล ออโต้” เผยรถยึดส่งสัญญาณชะลอ-Q1 รถไหลเข้าลานประมูลน้อยลง ลูกค้าชะลอตัดสินใจ เหตุรถอีวีแข่งตัดราคาเดือด

นายศรัณย์ ทองธรรมชาติ นายกสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แนวโน้มธุรกิจเช่าซื้อในไตรมาส 2 ปีนี้ คาดว่าน่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าไตรมาสแรก ส่วนหนึ่งมาจากยอดขายในงานมอเตอร์โชว์ ทำให้มียอดการปล่อยสินเชื่อใหม่ และลูกค้ารายใหม่เข้ามา แต่จะเห็นยอดขายลดลงอีกครั้งในไตรมาส 3 เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงด้านกำลังซื้อและภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ยังเป็นปัจจัยฉุดรั้ง ทำให้ยอดขายรถทั้งปียังอยู่ที่ระดับ 7.5 แสนคัน จากปี 2566 อยู่ที่ 6.85 แสนคัน

ขณะที่แนวโน้มยอดการปฏิเสธสินเชื่อ (Rejection Rate) จะเห็นทยอยเพิ่มขึ้น โดยในส่วนรถใหม่จากเดิมเฉลี่ยอยู่ที่ 15% เพิ่มเป็น 20% และรถเก่าหรือมือสอง (Used Car) เพิ่มเป็น 30% จากเดิม 20% อย่างไรก็ดี จะเห็นความเข้มงวดเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในส่วนของกระบะ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงกว่ากลุ่มรถทั่วไป เพราะส่วนใหญ่ฐานลูกค้าจะเป็นกลุ่มเกษตรกร ซึ่งมีความเสี่ยงสูง ทำให้อัตราดอกเบี้ยจะมีความแตกต่างจากรถทั่วไป

ดังนั้น จะเห็นสถาบันการเงินเน้นทำกลยุทธ์ Area Marketing มากขึ้น โดยจะทำการตลาดครอบคลุมบางพื้นที่และบางอาชีพ เป็นการเลือกเจาะกลุ่มอาชีพ และกลุ่มลูกค้าในบางพื้นที่ เพื่อคัดกรองลูกค้า และลดความเสี่ยง

สำหรับทิศทางหนี้เสีย (NPL) จะเห็นการขยับเพิ่มขึ้นใกล้เคียง 3% ทั้งรถใหม่และรถเก่า แต่จะเห็นผู้ประกอบการหลายที่พยายามประคองไม่ให้หนี้ตกชั้น โดยจะมีมาตรการช่วยเหลือ พักชำระหนี้ 3-6 เดือน และปรับโครงสร้างหนี้ตามนโยบายแบงก์ชาติ ซึ่งจะช่วยการหยุดไหลของ NPL

“ตัวเลขไตรมาส 1/67 ออกมาไม่ค่อยดี แต่คิดว่าไตรมาส 2/67 น่าจะดีขึ้นจากงานมอเตอร์โชว์เข้ามาช่วย และหลังจากนั้นเราจะเห็นยอดหดตัวลงอีก เช่นเดียวกับยอดรีเจ็กต์จะเริ่มเด้งขึ้น เชื่อว่าทุกคนอยากปล่อยสินเชื่อ แต่อาจจะเข้มงวดขึ้น”

นายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทยธนชาต (ทีทีบี) กล่าวว่า ไตรมาส 2 สินเชื่อเช่าซื้อจะยังคงชะลอตัวคล้ายกับไตรมาสแรก แม้ว่าจะมีสัญญาณดีขึ้นในช่วงยอดขายในงานมอเตอร์โชว์ แต่คาดว่าหลังจากเดือน เม.ย.ตลาดจะกลับมาซึม ๆ ไม่ได้ขยายตัวมากนัก อย่างไรก็ดี ช่วงครึ่งปีหลังที่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และงบประมาณภาครัฐที่เบิกจ่ายได้แล้ว จะช่วยสนับสนุนตลาดเช่าซื้อและยอดขายรถยนต์กลับมากระเตื้องขึ้น

ในมุมสถาบันการเงิน จะยังเป็นการปล่อยสินเชื่อเป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยทีทีบีจะไม่ลงไปแข่งขันกับตลาดในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย และลดปล่อยกู้กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น กลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อย และเน้นเรื่องคุณภาพสินเชื่อมากขึ้น โดยจะเน้นในกลุ่มผลิตภัณฑ์รถแลกเงิน สินเชื่อรวบหนี้โดยมีรถเป็นหลักประกัน และขยายสินเชื่อผ่านแพลตฟอร์มรถโดนใจ (Roddonjai) เป็นต้น

“เราคงไม่ได้เข้มปล่อยสินเชื่อแบบเข้มจนขม สะท้อนจากยอดอนุมัติสินเชื่อไม่ได้ปรับลดลงเฉลี่ย 70% แต่ด้วยภาวะตลาดที่ดรอปลงตามความต้องการสินเชื่อของลูกค้าที่ลดลง ทำให้ยอดสินเชื่อไม่ได้เพิ่ม เช่น ตลาดรถกระบะที่ลดลงค่อนข้างเยอะ ในช่วงนี้อาจจะกระชับพื้นที่ในการโต ไม่สู้เรื่องดอกเบี้ย เน้นคุณภาพสินเชื่อเป็นหลัก”

นายอนุชาติ ดีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอพเพิล ออโต้ จำกัด ยักษ์ประมูลรถมือสองกล่าวว่า คาดว่าจะเห็นตลาดรถยนต์ทรงตัวลากยาวไปถึงกลางปี 2567 ก่อนจะปรับตัวดีขึ้น หลังจากภาครัฐเบิกงบประมาณได้ และเศรษฐกิจมีทิศทางฟื้นตัวดีขึ้น

ขณะที่ทิศทางของธุรกิจลานประมูลรถยึด จะเห็นว่าเลยจุดสูงสุดไปตั้งแต่ช่วงปลายปี 2566 ส่วนหนึ่งมาจากสถาบันการเงินสามารถบริหารจัดการหนี้เสียได้ระดับหนึ่ง ประกอบกับการเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อจากกำลังซื้อของประชาชนไม่ผ่านเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อ ทำให้โอกาสของลูกค้าที่เป็นหนี้เสียน้อยลง และธนาคารเร่งปรับโครงสร้างหนี้

“ปัจจัยเหล่านี้ทำให้รถยึดไหลเข้าลานประมูลไม่ได้เร่งตัวขึ้น โดยเหลือเฉลี่ย 10,000-12,000 คันต่อเดือน จากช่วงปลายปีก่อนอยู่ที่ 30,000 คันต่อเดือน คาดว่าในปี 2567 จะมียอดรถยึดเข้าลานประมูลอยู่ที่ 1.5-1.8 แสนคัน จากปีก่อนแตะสูงสุด 3 แสนคัน”

นายอนุชาติกล่าวอีกว่า ในไตรมาส 1 ยอดขายของบริษัทปรับลดลง 4-5% เนื่องจากมีรถไหลเข้าลานประมูลน้อยลง และลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อ เพราะมีความอ่อนไหวของราคารถยนต์จากการแข่งขันด้านราคาของรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉลี่ยอัตรารถไหลเข้า 100 คัน สามารถขายได้ 60 คัน อย่างไรก็ดี คาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีจะปรับดีขึ้นตามทิศทางตลาดรถยนต์ และธนาคารผ่อนปรนการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโต 3-5% หรือราว 550 ล้านบาท