สืบเนื่องกรณีการใช้มาตรา 44 เรื่องการพัฒนารถไฟความเร็วสูง ซึ่งเปิดช่องทางให้จีนเข้ามาดำเนินโครงการนั้น นายดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิกชื่อดัง ซึ่งวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กหลายครั้ง ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน เวลาประมาณ 09.30 น. นายดวงฤทธิ์ ได้โพสต์ข้อความอีกครั้ง โดยระบุว่าตนไม่เคยคิดขวางการสร้างรถไฟ แต่ขอให้ภาครัฐทำงานรอบคอบ อย่ามักง่าย ยืนยันไม่เคยเกลียดประเทศจีน อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าว คนไทยควรได้มีส่วนร่วม เนื้อหามีดังต่อไปนี้
อยากจะกราบเรียนท่านนายกฯที่เคารพว่า ไม่เคยคิดจะขวางเรื่องรถไฟความเร็วสูงปานกลางของท่านเลยนะครับ
แต่จะทำทั้งที ก็ต้องให้เกิดประโยชน์คุ้มค่า ท่านจะลงทุนกันทั้งทีใช้เงินหลายแสนล้านบาท ครม.ก็อย่าทำงานกันแบบข้าราชการชุ่ย ต้องคิดกันให้รอบคอบจากประสบการณ์
รถไฟเส้นนี้และทุกเส้น ต้องเป็น “เครื่องจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจ” ครับ การขนส่งจากต้นทางไปปลายทาง ต้องคิดเลยว่าจะขน “ใคร” และ “อะไร” บ้างที่จะทำให้เศรษฐกิจเราดีขึ้น การยกที่ดินสองข้างทางรถไฟให้ทางจีนไปพัฒนา เป็นการตกลงที่ขาดสำนึกเรื่องเศรษฐกิจโดยสิ้นเชิง แทนที่คนไทยจะทำมาหากินจากเส้นทางเศรษฐกิจนี้ได้ กลับต้องยกดินแดนให้ต่างชาติไปทำมาหากิน มันเรื่องอะไร เสียเงินให้เขาทำรถไฟ แล้วยังมาเสียดินแดนให้เขาไปอีก เสียทั้งขึ้นทั้งล่อง
เงินที่ลงทุนทำรถไฟ ก็ไม่ควรมาจากประเทศไทยอย่างเดียว ควรจะเป็นการร่วมลงทุนกัน และไม่ใช่การให้สิทธิผูกขาดในการดำเนินการของบริษัทจีนยาวนานถึง 30 ปี เงินที่ประเทศเราลงไป ไม่มีทางได้คืนมาเลยใน 30 ปีนั้น ผมไม่ได้เกลียดอะไรประเทศจีนเลยนะครับ ผมว่าประเทศเขายอดเยี่ยมมาก มีเงินเยอะ และโครงการแบบนี้สมควรที่เขาจะช่วยเอาเงินมาลงกับเราบ้าง เพิ่อแบ่งเบาภาระของประเทศเล็กๆ ที่ยากจนอย่างเราบ้าง
การดำเนินการออกแบบและก่อสร้าง จริงอยู่ที่เราทำระบบรถไฟไม่เก่ง แต่เรื่องอาคารและโครงสร้างที่รองรับระบบ ผมเชื่อว่าสถาปนิกวิศวกรไทยไม่แพ้ชาติไหนในโลก ควรจะให้งานออกแบบก่อสร้างแยกเป็นสองส่วน ส่วนไหนเราทำไม่เป็นก็ให้เขาทำไป ส่วนไหนเราทำได้ ก็ใช้กรอบ Local Collaboration ที่สภาสถาปนิกมีอยู่แล้วกับ ASEAN เข้ามาประยุกต์ใช้ก็ได้ ก็สามารถจะทำงานร่วมกับสถาปนิกจีนได้โดยมีการถ่ายทอดเทคโนโลยี (Technology Transfer) ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับที่จีนใช้พัฒนาประเทศเขาเช่นกัน สามารถทำได้ทันทีไม่ต้องมาสอบอะไร
หรือจะให้สถาปนิกจีน เข้ามาเปิดบริษัทสถาปนิกในไทยเลยก็ได้ พรบ.สถาปนิก เปิดช่องให้สถาปนิกจากทุกชาติเข้ามาทำงานในไทยได้อยู่แล้วโดยไม่ต้องสอบอะไรเลย แค่เข้ามาเปิดบริษัทในไทย ร่วมงานกับคนไทย ซึ่งถ้าเขาจะมาบริหารระบบรถไฟฟ้านี้ไปอีก 30 ปี วิธีนี้ก็น่าจะเหมาะสมดึ ถ้าไม่อยากเข้ามาขอรับใบอนุญาตแบบ “ภาคีสถาปนิกพิเศษ” แบบที่ผมเคยบอกไป และคนไทยเองก็ได้การถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ว่านี้ไปพร้อมกัน เราจะได้ออกแบบทำกันได้เองซักวันนึง
จะลงทุนจ่ายค่าแบบเขาเป็นหมื่นล้าน ก็น่าจะทำให้มันได้ประโยชน์กลับมาที่คนไทยบ้างนะครับ
ท่านนายกฯ อย่าอนุญาตให้ ครม.ของท่านทำงานโดยมักง่ายกับประเทศนี้ โดยใช้อำนาจในฐานะหัวหน้า คสช.ของท่านสั่งการ โดยการฉีกกฎหมาย ข้อตกลงต่างๆ ที่มีการเจรจาเพื่อผลประโยชน์คนไทยทั้งประเทศมายาวนานหลายปี เพราะคนที่อยู่รอบตัวของท่านโง่ ชุ่ย และขี้เกียจ อีกต่อไปเลยนะครับ เพราะสุดท้ายแล้วก็เป็นท่านนั่นแหละที่ต้องรับผิดชอบการกระทำทุกๆอย่างที่เกิดขึ้น
ด้วยความเคารพ # สวัสดีประเทศไทย