วี พร็อพเพอร์ตี้ จัดทัพใหม่เตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯปี 62 ประกาศท้าชนบิ๊กอสังหาฯ หวังชิงแชร์ตลาดคอนโดฯระดับลักชัวรี แย้มครึ่งปีหลังเปิด 2 โครงการใหม่ ย่านสุขุมวิท มูลค่า 2,500 ล้านบาท พร้อมชูบริการหลังการขาย
นายพรชัย เลิศอนันต์โชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี อาทิ เอช สุขุมวิท 43 และ วีธารา 36 เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2562 เพื่อระดมเงินทุนขยายธุรกิจรองรับการเติบโตในอนาคต โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมตามกฏการดำเนินการของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
เบื้องต้นบริษัทได้มีการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อม ขณะนี้ได้มีการทาบทามผู้มีความรู้ความสามารถในแวดวงอสังหาริมทรัพย์มาร่วมงาน โดยตั้งเป้าเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี เนื่องจากในอนาคตคอนโดมิเนียมในระดับนี้จะสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ซื้อในอัตราสูง เหมาะแก่การลงทุน เพราะทำเลที่ตั้งของโครงการส่วนมากจะอยู่ในทำเลใจกลางเมือง เช่น เพลินจิต, ชิดลม, หลังสวน, ทองหล่อ, สุขุมวิท 39-49 ที่มีการปรับขึ้นของราคาเฉลี่ย 15% โดยโครงการเปิดขายใหม่ราคาเฉลี่ยสูงกว่า 200,000 บาทต่อตารางเมตร ในขณะที่โครงการทำเลกรุงเทพฯชั้นนอกราคาปรับขึ้นที่ประมาณ 8% ในส่วนของบริษัทจะเน้นพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมบริเวณรถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือ สายสุขุมวิทเป็นหลัก โดยเป้าหมายรายได้ที่ 5,000 ล้านบาทก่อนปี 2563
“แม้ว่าผู้ประกอบการรายใหญ่จะเข้ามาลงทุนในพื้นที่รถไฟฟ้าสายสุขุมวิทจำนวนมาก แต่บริษัทมีความได้เปรียบ ด้านมีการกำหนดราคาคอนโดฯที่สมเหตุสมผล โดยมองว่าราคาที่ดินในเมืองโดยเฉพาะสุขุมวิทและทองหล่ออย่างไรก็ต้องมีการปรับขึ้นเพราะสินค้าน้อยกว่าความต้องการ และด้วยราคาที่ดินที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ราคาโครงการใหม่ต้องถูกกำหนดราคาที่สูงตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปี 2560 บริษัทมีแผนเปิดตัวคอนโดมิเนียม 2 โครงการใหม่ย่านสุขุมวิทตอนกลาง มูลค่าโครงการรวม 2,500 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและกำหนดคอนเซ็ปต์ออกแบบโครงการ”นายพรชัย กล่าว
นอกจากการมุ่งเน้นเรื่องของการพัฒนาโครงการระดับลักชัวรีแล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญในเรื่องของงานบริการหลังการขาย เนื่องจากจะบริการแค่ลูกค้าภายในเท่านั้น ไม่รับบริการคนภายนอกเหมือนบริษัท ซึ่งจะทำให้การดูแลไม่ทั่วถึง ถือเป็นอีกหนึ่งข้อได้เปรียบในการใช้แข่งกับรายใหญ่
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ