แบงก์ลงสนามแข่งตลาด “บ้านแลกเงิน” คึกคักหนุนเงินทุนตั้งต้นผู้ประกอบการหน้าใหม่ กรุงศรีอยุธยาเชื่อตลาดมีศักยภาพ จ่อปรับกระบวนการประเมินราคาหลักประกันใหม่-เคาะราคาตามพื้นที่ ตั้งเป้าโต 20% ส่วน“กรุงไทย-กสิกรไทย” เชื่อตลาดขยายตัวดี เหตุลูกค้าใช้วงเงินฉุกเฉินได้
นายณัฐพล ลือพร้อมชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ภาพรวมตลาดสินเชื่ออเนกประสงค์โฮมฟอร์แคช (Home4Cash) ภายหลังจากธนาคารทดลองตลาดช่วงครึ่งปีหลังของปี 2559 พบว่ามีอัตราการเติบโตค่อนข้างดี แม้ว่าจะไม่มีตัวเลขของตลาดรวมเหมือนสินเชื่อที่อยู่อาศัยทั่วไป เพราะเป็นสินเชื่อใหม่ตลาดใหม่
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับผลงานของธนาคารตั้งแต่เริ่มทำตลาด ถือว่าค่อนข้างได้ผลตอบรับดี เนื่องจากวัตถุประสงค์ของสินเชื่อมี 2 ส่วน คือ 1.นำวงเงินไปใช้ประโยชน์ในด้านการบริโภค ฉุกเฉิน หรือตกแต่งบ้าน และ 2.เป็นจุดเริ่มต้นของลูกค้าที่ต้องการจะทำธุรกิจ หรือเป็นจุดตั้งต้นของผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี)โดยปีนี้ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่ออยู่ที่ 3,600 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 20% จากปีก่อนสามารถปล่อยสินเชื่ออยู่ที่ 3,000 ล้านบาท
ในปีนี้ธนาคารจะมีการปรับหลักเกณฑ์หลักประกันใหม่เพื่อความเหมาะสม ที่จะเคาะราคาตามทำเลที่ตั้ง ขณะที่วงเงินในการปล่อยสินเชื่อต่อหลักค้ำประกัน (LTV) หากเป็นอาคารพาณิชย์จะเฉลี่ยอยู่ที่ 70% ส่วนบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และคอนโดมิเนียมเฉลี่ยอยู่ที่ 80% สาเหตุที่ให้วงเงินสินเชื่ออาคารพาณิชย์ต่ำกว่าหลักทรัพย์ประเภทอื่น เนื่องจากอาคารพาณิชย์มีความแตกต่างของทำเลพื้นที่ และการประเมินราคาซึ่งมีความเสี่ยงมากกว่าโครงการบ้านทั่วไป
นายณัฐพล กล่าวว่า ข้อดีของสินเชื่อประเภทนี้ลูกค้าไม่จำเป็นต้องมีแผนธุรกิจหรือประสบการณ์ทำงาน 2-3 ปี เพื่อขอสินเชื่อ เพราะลูกค้ากลุ่มนี้จะมีรายได้ประจำแต่ต้องการทำธุรกิจเพิ่มเติม
ส่วนอัตราดอกเบี้ยจะแพงกว่าสินเชื่อบ้านทั่วไป เช่น บ้านเดี่ยว-คอนโดมิเนียม วงเงินตั้งแต่ 1-5 ล้านบาท จะคิดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ปัจจุบันอยู่ที่ 7.7% ถือว่าค่อนข้างถูก หรือวงเงินตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป จะคิดอัตราดอกเบี้ยปีแรก MRR-0.55% หลังจากนั้นคิดอัตรา MRR เท่ากับ 7.7% ตลอดอายุสัญญา หรือกรณีอาคารพาณิชย์จะคิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ MRR+1.4% ตลอดอายุสัญญา เป็นต้น
นางนพวรรณ เจิมหรรษา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า แนวโน้มสินเชื่อบ้านทวีทรัพย์กสิกรไทย (K-Home Equity) ซึ่งเป็นวงเงินสินเชื่อเพื่อการใช้จ่ายส่วนบุคคล โดยใช้ที่อยู่อาศัยของตนเองจำนองเป็นหลักประกัน สามารถเลือกได้เป็นวงเงินกู้ หรือวงเงินกู้เบิกเกินบัญชี (O/D) หรือจะเลือก 2 อย่างพร้อมกันก็ได้ โดยลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์สินเชื่อทวีทรัพย์ จะเป็นลูกค้าที่มีบ้านปลอดภาระทั้งรายได้ประจำและทำธุรกิจที่ต้องการใช้เงินในการอุปโภคบริโภค เช่น ตกแต่งบ้านใหม่,รักษาพยาบาล,ท่องเที่ยว เป็นต้น
อัตราดอกเบี้ย MRR-0.50% หากเป็นวงเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี MRR + 1.00 % ซึ่งปัจจุบัน MRR เท่ากับ 7.62% ต่อปี โดยระยะเวลากู้สูงสุด 15 ปี
ปี 2560 ธนาคารกสิกรไทยเน้นทำการตลาดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านทวีทรัพย์เพิ่มมากขึ้น เพราะตลาดนี้ยังคงเติบโต ปัจจุบันธนาคารได้จัดแคมเปญพิเศษสำหรับลูกค้าที่ยื่นขอใช้สินเชื่อบ้านทวีทรัพย์โดยได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษในปีแรก MRR – 1.25% หลังจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ย MRR -0.50% โดยแคมเปญดังกล่าวจะสิ้นสุด 30 มิถุนายน 2560
“ธนาคารต่างๆ เริ่มเข้ามาแข่งขันในผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นและรุนแรงขึ้น ซึ่งจะเห็นจากโฆษณาของธนาคารต่างๆ ที่ออกมาให้เห็นเพิ่มขึ้น ตลาดนี้ยังมีโอกาสเติบโตสูง”
นายลือชัย ชัยปริญญา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานกลยุทธ์และผลิตภัณฑ์รายย่อย ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ภาพรวมการเติบโตของสินเชื่อ Home for Cash ถือว่าขยายตัวได้ค่อนข้างดี เนื่องจากเป็นสินเชื่ออเนกประสงค์ในกรณีที่ลูกค้าผ่อนชำระที่อยู่อาศัยไปสักระยะ แต่มีความต้องการวงเงินไปตกแต่งบ้าน ลูกค้าสามารถเข้ามาขอวงเงินกับธนาคารได้ ขณะที่การแข่งขันในตลาดสินเชื่อประเภทนี้ คาดว่าไม่รุนแรงมากนัก
สำหรับแคมเปญพิเศษอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยคงที่ 0.60% นาน 6 เดือน และลูกค้าสามารถกู้เพื่อตกแต่ง MRR% สำหรับลูกค้าเดิมที่มีการผ่อนชำระดี มากกว่า 2 ปี ธนาคารยังมีโปรโมชันลดอัตราดอกเบี้ย Home For Cash ให้กับลูกค้ากลุ่มนี้อีกด้วย
นางสาวอรอนงค์ อุดมก้านตรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผลิตภัณฑ์สินเชื่อรายย่อยสายธุรกิจรายย่อย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า ภายในเร็วๆนี้ ธนาคารจะออกโปรแกรมพิเศษ“บ้านแลกเงิน” ซึ่งเป็น Special Campaign เป็นแคมเปญที่ทำต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมลูกค้าที่รักษาวินัยทางการเงิน มีประวัติการชำระเงินที่ดี โดยจะได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ