21 พ.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีระพล จงเจริญใจ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จังหวัดนครราชสีมาว่า ผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์จังหวัดนครราชสีมา มีการรวมตัวกันในการจัดตั้งเป็นชมรมธุรกิจบ้านจัดสรรจังหวัดนครราชสีมา ต่อมาได้ตั้งเป็นสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรจังหวัดนครราชสีมาและมาเป็นสมาคมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จังหวัดนครราชสีมา รวมระยะเวลา 13 ปี
โดยปีนี้ 2560 เราก็ได้ก่อกำเนิดมีสำนักงานสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดนครราชสีมาเป็นของตังเอง สำหรับภาวะการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ในทิศทางทั้งประเทศ มีการชะลอตัวมาต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2557 โดยเฉพาะจังหวัดนครราชสีมาชะลอตัวติดต่อกัน 3-4 ปี ซึ่งช่วงปี 2559 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แล้ว ซึ่งตนเชื่อว่าในปี 2560 จะทำให้มีการพยุงตัวขึ้นมาแนวโน้มในทิศทางที่ดี โดยเราสังเกตจากด้านการส่งออกของประเทศ สถานการณ์ส่งสัญญาณในทางบวก ประกอบกับกำลังซื้อรถยนต์ทั่วประเทศดีขึ้น ซึ่งเราเชื่อว่าหลังจากที่ภาครัฐได้มีการทุ่มทุนทำสาธารณูปโภคต่างๆแล้ว ภาคอสังหาริมทรัพย์ของจังหวัดนครราชสีมา จะต้องเติมโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 2 ไตรมาสที่ 3 น่าจะโตขึ้นประมาณ 5-10% และต่อเนื่องไปจนไตรมาสที่ 4 หรือไตรมารสสุดท้ายเชื่อว่าจะเติบโตถึง 30% เนื่องจากมีกำลังซื้อจากกลุ่มที่มาลงทุนสำหรับห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ประมาณ 1 ล้านตารางเมตร ไม่ว่าจะเป็นการขยายพื้นที่ของศูนย์การค้าเดอะมอลล์ , การสร้างเทอร์มินอล 21 และห้างขนาดใหญ่ที่จะเปิดใหม่ ช่วงเดือนกันยายน 2560 นี้คือ เซ็นทรัล ซึ่งกลุ่มหลังปีแรกอาจจะยังไม่ตัดสินใจซื้อบ้าน แต่ใช้วิธีเช่าบ้านก่อน แต่ต่อไปอีกประมาณ 1-2 ปี การงานเริ่มอยู่นิ่งก็จะเริ่มหาซื้อบ้านเป็นของตัวเองได้แล้ว
ทั้งนี้ ในช่วงนี้ตนคิดว่าเป็นโอกาสทอง เพราะภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีผู้ประกอบการก็อยากที่จะระบายสินค้า ซึ่งตัวดอกเบี้ยก็ยังเป็นดอกเบี้ยต่ำอยู่ ฉะนั้นการตัดสินใจซื้อบ้านได้เร็วผู้บริโภคจะได้เปรียบ ส่วนการที่จะให้รัฐบาลช่วยเหลือนั้น ตนคิดว่าตัวเราเองก็ได้ประสานกับกับสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ก็อยากเรียกร้องขอให้รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ เป็นภาคที่ใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นส่วนใหญ่ และขอให้รัฐบาลดำเนินการมาตรการต่างๆช่วยเหลือ เช่น อาจจะจัดแคมเปญลดค่าธรรมเนียมการโอน ซึ่งก็เคยทำจนประสบความสำเร็จมาแล้ว ตรงนี้เราเองก็กำลังผลักดันอยู่ด้วย
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ