1 มิถุนายน 2560 “คลีนิคแก้หนี้”ศูนย์ One Stopแก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิต หนี้บัตรกดเงินสด และหนี้ส่วนบุคคลของลูกหนี้ที่มีหนี้หลายทางและเป็นหนี้ที่ค้าชำระเกิน 3 เดือน จะเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการ โดยมีบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) ทำหน้าที่บริหารจัดการทั้งหมดลูกหนี้ของ 16 สถาบันการเงินที่ร่วมโครงการ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นธนาคารพาณิชย์ไทยและธนาคารต่างประเทศบางแห่งที่อยู่ในข่ายและมีคุณสมบัติครบตามที่กำหนด หากมีความประสงค์จะสะสางปัญหาหนี้สินที่คั่งค้างสามารถติดต่อไปที่ SAM ได้โดยตรง และแจ้งความประสงค์เข้าโครงการนี้ หากสามารถรับเงื่อนไขที่เข้มงวดขึ้นได้ เพื่อแลกกับสิทธิประโยชน์ที่ได้รับกลับมา
คุณสมบัติเบื้องต้นของลูกหนี้คือเป็นพนักงานบริษัทมีรายได้ประจำ อายุไม่เกิน 65 ปี เป็นหนี้แบงก์ 2 แห่งขึ้นไป เป็นหนี้เอ็นพีแอลที่ยังไม่ถูกฟ้องร้อง วงเงินหนี้รวมกันไม่เกิน 2 ล้านบาท ผู้ที่เข้าโครงการจะได้รับการลดดอกเบี้ย วงเงินผ่อนชำระรายเดือนลดลง และชำระหนี้ให้ SAM เท่านั้น แต่ต้องยอมรับเงื่อนไขที่เข้มขึ้นคือ ห้ามก่อหนี้เป็นเวลา 5 ปี และต้องเข้าอบรมวินัยการเงิน เพื่อไม่ให้กลับมาสู่วงจรของการเป็นหนี้อีก
คลีนิกแก้หนี้ประเมินเบื้องต้นลูกหนี้เข้าข่ายคุณสมบัติประมาณ 5 แสนราย ยอดเงินรวมกว่า 1 แสนล้านบาท
เป้าหมายของโครงการนี้เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ที่ย้อนกลับมารุนแรงขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แม้สิ้นปี 2559 หนี้ครัวเรือนจะลดลงจาก 81.2% ต่อจีดีพีมาที่ 79.9% แต่ก็ถือว่ายังสูง
ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) บอกว่า คนไทยเป็นหนี้เร็วขึ้นตั้งแต่อายุยังน้อยๆ โดยเฉพาะการเป็นหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งเป็นหนี้ที่ใช้เพื่อการบริโภคเป็นส่วนใหญ่ หากปล่อยให้คนไทยยังไร้วินัยในการใช้เงิน และให้สร้างหนี้ต่อไปโดยไม่มีการควบคุมจะกลายเป็นปัญหาใหญ่และแก้ไขยากขึ้นเรื่อยๆ
วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธปท.
“คลินิกแก้หนี้ไม่ใช่ยาวิเคษที่จะสามารถรักษาหนี้ทุกคนให้หายขายได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่จะเป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานในการแก้ปัญหาหนี้อย่างเป็นระบบ เพื่อให้ลูกหนี้ที่มีเจ้าหนี้หลายรายมาอยู่ภายใต้มาตรฐานเดียวกันโดยมีผลประโยชน์ของสังคมไทยเป็นที่ตั้ง”นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธปท.กล่าว
นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทยและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คลินิกแก้หนี้ถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้น อาจจะยังไม่สามารถแก้ไขหนี้ให้กับลูกหนี้ทุกราย อาจจะมีสะดุดบ้าง แต่เชื่อว่าในท้ายที่สุดจะช่วยลดภาระหนี้ของลูกหนี้ได้
ปัจจัยที่อาจทำให้โครงการนี้สะดุดหรือไม่ คือ เงื่อนไขที่เข้มงวด ห้ามก่อหนี้เพิ่ม 5 ปี อาจจะทำให้ลูกหนี้ที่จะเข้าโครงการคิดหนักขึ้นหรือ การหันไปพึ่งพาหนี้นอกระบบหรือไม่ เป็นปัจจัยที่มองข้ามไม่ได้
นิยต มาศะวิสุทธิ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการ SAM
“ข้อห้ามก่อหนี้ 5 ปี นับจากเข้าโครงการ แม้จะไม่ได้เป็นอุปสรรค แต่ลูกหนี้อาจจะใช้เวลาการตัดสินใจนานขึ้นหรือคิดเยอะขึ้นแต่เงื่อนไขนี้เป็นเจตนารมณ์ของทางการที่ต้องการปรับพฤติกรรมลูกหนี้ในการก่อหนี้” นายนิยต มาศะวิสุทธิ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการ SAM กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ”
ส่วนกรณีที่ลูกหนี้อาจจะหันไปกู้นอกระบบ แม้ว่าจะไม่สามารถตรวจสอบได้ แต่เชื่อว่าโครงการอบรมวินัยทางการเงินน่าจะช่วยสร้างความเข้าใจลูกหนี้ได้
SAM ซึ่งรับหน้าที่บริหารหนี้กลุ่มนี้ จะได้รับค่าธรรมเนียม 7% นายนิยต กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ที่สนใจโทรเข้ามาสอบถามถึงรายละเอียดโครงการนี้กับแล้วกว่า 1,000 ราย แต่ต้องรอวันที่ 1 มิถุนายนนี้ ซึ่งเป็นวันเริ่มโครงการ จะมีลูกหนี้เข้ามาใช้บริการมากน้อยเพียงใด
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ