กลายเป็นประเด็น ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ สะเทือนวงการอสังหาริมทรัพย์ เมื่อ “ดีเอสไอ-กรมสอบสวนคดีพิเศษ” ออกหมายเรียก “อนันต์ อัศวโภคิน” บอสใหญ่ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เข้ารับทราบ “ข้อกล่าวหา” ร่วมฟอกเงิน ในวันที่ 7 มิ.ย.นี้ จากคดีทุจริตสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่เกี่ยวพันและโยงใยไปถึง “ที่ดิน” วัดธรรมกาย
หลังตรวจสอบพบนำเงินจากสหกรณ์ไปซื้อที่ดินคลองหลวง โดย “ศุภชัย ศรีศุภอักษร” อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น นำเงิน 275 ล้านบาท เข้าเทกโอเวอร์ “บริษัท เอ็ม-โฮม เอสพีวี 2 จำกัด” เจ้าของตลาดไทเดิม ซึ่งมีทรัพย์สินบางส่วนเป็นที่ดินอยู่คลองหลวง จ.ปทุมธานี นับพันไร่
ต่อมาปี 2554 มีการนำที่ 46 ไร่ ไปขายต่อ เพื่อชำระหนี้ โดยขายให้ “อนันต์” ราคา 93.7 ล้านบาท ต่ำกว่าราคาประเมิน ซึ่งอยู่ที่ 281 ล้านบาท ถึง 3 เท่า
ขณะเดียวกัน “อนันต์” ขายต่อให้กับ “ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์” เจ้าของตลาดไทในปัจจุบัน ในราคา 492 ล้านบาท พร้อมนำเงินที่ได้จากการขาย 303 ล้านบาท บริจาคให้ “มูลนิธิคุณยายจันทร์ ขนนกยูง” มี “พระธัมมชโย” อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายเป็นองค์อุปถัมภ์
สุดท้าย “บทสรุป” จะออกหัว ออกก้อย ไม่มีใครตอบได้ ต้องรอดูเท่านั้นแต่จากข่าวที่ปรากฏ กลายเป็น “แรงกระเพื่อม” ที่สร้างความหวั่นไหวแก่ธุรกิจในเครือ “แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์” ไม่มากก็น้อย
ไม่ใช่แค่หุ้น LH ตกฮวบเท่านั้น แต่ราคาหุ้น 4 บริษัทในกลุ่มแลนด์ฯ ร่วงแรงกันหมด (18 พ.ค. 60) เช่น LH ที่อนันต์ถือ 23.99% ราคาอ่อนตัวลงปิดที่ 9.55 บาท ลดจากวันที่ 17 พ.ค. ที่ดีเอสไอออกหมายเรียก ซึ่งราคาอยู่ที่ 9.95 บาท
ส่วน บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) ราคาปิดที่ 2.42 บาท จาก 2.44 บาท บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) ราคาปิดอยู่ที่ 9.40 บาท จาก 9.50 บาท และ บมจ.แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป (LHBANK) ราคาปิดอยู่ที่ 1.73 บาท จาก 1.76 บาท ซึ่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็เกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
“ปริย เตชะมวลไววิทย์” ฝ่ายสื่อสารองค์กรและส่งเสริมความรู้ผู้ลงทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า จากกรณีนี้จะมีส่วนเกี่ยวกับ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือไม่นั้น ก.ล.ต.กำลังติดตามความคืบหน้า ยังไม่สามารถชี้ได้ จะมีส่วนใดที่กระทบต่อกฎเกณฑ์ตามกฎหมายหลักทรัพย์
อย่างไรก็ดี ตามหลักเกณฑ์ ก.ล.ต. ในเรื่องการดำรงคุณสมบัติการเป็นผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนนั้น ในกรณีที่เป็นผลสืบเนื่องจากการกระทำผิดตามกฎหมายอื่น การขาดคุณสมบัติจะเกิดขึ้นเมื่อเข้ากรณีใดใน 2 กรณีนี้
คือ 1.ถูกศาลพิพากษามีคำสั่งถึงที่สุดให้ยึดทรัพย์ตามกฎหมายฟอกเงิน หรือ 2.ถูกห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารตามกฎหมายว่าด้วยการกำกับดูแลสถาบันการเงิน
และยังมีนักกฎหมายการเงินออกมาระบุว่า “บิ๊กแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์” อาจจะขาดคุณสมบัติการเป็นกรรมการและผู้บริหารของสถาบันการเงินในทันที หากมีคำพิพากษาถึงที่สุด
“รณฤต สารินทร์วงศ์” กรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์เออีซี กล่าวว่า กรณีของคุณอนันต์ ส่วนตัวมองว่าไม่น่าจะกระทบต่อตัวบริษัท และธุรกิจในกลุ่มแลนด์ฯ เพราะเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่น่าจะส่งผลไปถึงขั้นการยึดทรัพย์ หรือกระทบต่อทรัพย์สินของบริษัท
“เรื่องนี้กระทบแค่ตัวบุคคลคือคุณอนันต์เท่านั้น โดยนักลงทุนอาจจะกังวลว่า สถานภาพการเป็นผู้บริหารจะเป็นอย่างไร คุณอนันต์จะขายหุ้นทิ้งหรือไม่มากกว่า” รณฤตกล่าว
ถามว่า จากปมที่ดินวัดธรรมกายจะกลายเป็น “บูมเมอแรง” ต่ออาณาจักรแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ หรือไม่
“ประชาชาติธุรกิจ” ได้สอบถามไปยังผู้บริหาร บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ต่างให้คำตอบสั้น ๆ เพียงว่า “ข่าวที่เกิดขึ้น ถือเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณอนันต์ ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มบริษัท”ซึ่งกลุ่มลูกค้า นักลงทุน และผู้ถือหุ้น ต่างก็ทราบมาโดยตลอด จึงไม่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่น
“คุณอนันต์ยืนยันว่า เขาบริจาคให้หลวงพ่อ เพราะมีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา และเขาไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับคุณศุภชัยใด ๆ ทั้งสิ้น”
“ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” กรรมการผู้จัดการ บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ กล่าวย้ำว่า เท่าที่ฟังจากข่าวเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณอนันต์ที่ศรัทธาในเรื่องการทำบุญ ไม่เกี่ยวกับแลนด์ฯ และในเครือ เพราะบริษัทมีคณะกรรมการและตลาดหลักทรัพย์ฯที่คอยกำกับดูแลอยู่แล้ว
“ที่ผ่านมาเวลามีประชุมบริษัท คุณอนันต์ก็เข้าประชุมเดือนละ 1-2 ครั้ง และเดินสายอบรมให้ความรู้เรื่องเรียลเอสเตทแก่นักธุรกิจใหม่ ๆ เรื่องนี้จึงไม่มีผลต่อบริษัท ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เรายังเดินหน้าพัฒนาโครงการคุณภาพต่อไป แล้วความเชื่อมั่นของลูกค้าต่อบริษัทนั้น เป็นเรื่องของคุณภาพและบริการมากกว่าที่จะเป็นบทพิสูจน์”