คอนโดไม่หวือหวาเพราะกลุ่มผู้ที่ซื้อลงทุนชะลอการตัดสินใจ
สัมมากร ประเมินอสังหาฯ ปี 59 โตเล็กน้อยหวังปัจจัยบวก “หนี้ครัวเรือน” ลดรัฐเดินหน้าเมกะโปรเจคกระตุ้นเศรษฐกิจเผย “ทาวน์เฮ้าส์” บูม คอนโด ขายดีเฉพาะแนวรถไฟฟ้า วางแผนรุกแนวราบ เปิด 2 โครงการ มูลค่า 2 พันล้าน
นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2559 เติบโตสูงกว่าปีนี้โดยตลาดทาวน์เฮ้าส์จะขยายตัวมากขึ้น เป็นสินค้าดาวรุ่ง สะท้อนจากตัวเลขการโอนในปี 2558 เพิ่มขึ้น 16% ประเมินว่าจะมีโครงการทาวน์เฮ้าส์เกิดขึ้นจำนวนมากรอบกรุงเทพฯ แต่เป็นโครงการขนาดไม่ใหญ่มากนัก บนพื้นที่ 10-15 ไร่ พัฒนา 100-250 ยูนิต
ขณะที่ตลาดคอนโดมิเนียม ยังคงเติบโตสามารถสร้างยอดขายได้ต่อเนื่องโดยเฉพาะแนวเส้นทางรถไฟฟ้า และบริเวณที่มีการลงทุนโครงการสาธารณูปโภค
“คอนโดยอดขายไม่หวือหวา เพราะกลุ่มผู้บริโภคที่ซื้อลงทุนชะลอการตัดสินใจตามสถานการณ์เศรษฐกิจและตลาดหุ้นที่มีความผันผวน”
ทั้งนี้ปัจจัยบวกที่มีผลต่อตลาดอสังหาฯคือการลงทุนของภาครัฐคาดว่าจะมีความคืบหน้ามากขึ้น ยอดหนี้สินครัวเรือนมีแนวโน้มลดน้อยลง ผลกระทบจากหนี้สินรถคันแรกผ่อนคลายลง
ส่วนปัจจัยลบมาจากภายนอกเป็นหลักเป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ทั้งความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามระหว่างประเทศ อัตราดอกเบี้ยสหรัฐ ภาวะเศรษฐกิจยุโรป ซึ่งเป็นความกังวลที่ทำให้ผู้บริโภคจะชะลอการลงทุนเพื่อรอพิจารณาสถานการณ์ให้มั่นใจ
สำหรับแผนการลงทุนปีหน้าบริษัทจะเน้นพัฒนาโครงการแนวราบเตรียมเปิดตัว 2 โครงการ ได้แก่ บ้านเดี่ยว ทำเลชัยพฤกษ์ แจ้งวัฒนะ มูลค่า 1,000 ล้านบาท และทาวน์โฮม โซนตะวันออกวงแหวนรามอินทรา มูลค่า 1,000 ล้านบาท ทั้ง 2 โครงการ เลื่อนเปิดจากปี 2558
โดยสถานการณ์ตลาดปี 2558 ถือเป็นปีที่ยากสำหรับทุกธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาฯเพราะขาดปัจจัยบวกมากระตุ้นตลาดตั้งแต่ต้นปี แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกจากมาตรการรัฐช่วยลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนและจำนองอสังหาฯ ปลายปี สามารถสร้างความมั่นใจและกระตุ้นการตัดสินใจของผู้บริโภคได้เพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับปัจจัยลบรุมเร้าต่อเนื่องตลอดทั้งปี ทั้งปัญหาหนี้สินครัวเรือน ความเปราะปางของเศรษฐกิจโลก และสถานการณ์ความไม่สงบ การก่อการร้ายทั้งในและต่างประเทศ
ทั้งนี้ สิ่งที่เห็นได้ชัดในปี 2558 พบว่ามีโครงการทาวน์เฮ้าส์เกิดขึ้นจำนวนมากและมียอดโอนทาวน์เฮ้าส์เพิ่มขึ้น 16% สะท้อนให้เห็นถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคมีเม็ดเงินลดลงเนื่องจากผู้บริโภคยังคงมีความต้องการฟังก์ชั่นเหมือนบ้านเดี่ยวแต่มีงบประมาณจำกัด จึงเปลี่ยนมาเลือกซื้อทาวน์โฮมที่มีราคาประหยัดกว่าทดแทน
ขณะที่นโยบายรัฐบาลมุ่งกวาดล้างคอร์รัปชั่นจะส่งผลดีระยะยาวกับภาคธุรกิจ สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างประเทศ และก่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรี เพื่อประโยชน์ของประเทศอย่างแท้จริง
“ที่ผ่านมาในปี 2558 อาจยังไม่เห็นผลชัดเจน จนกระทั่งมีการประมูลคลื่นความถี่ 4 จี ครั้งล่าสุด ที่มีการประมูลแบบโปร่งใส รัฐได้เงินเข้าคลังมากกว่าที่คาด และเม็ดเงินเหล่านี้จะมีผลในงานกระตุ้นเศรษฐกิจในปีก ไม่นานนี้”นายกิตติพล กล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ