รัชดาฯบูมสนั่น! รฟม.ผุดจังก์ชันใหญ่จุดตัดรถไฟฟ้าใต้ดินแห่งแรก ระหว่างสายสีส้ม-นํ้าเงินบริเวณสถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ ฟันธงที่ดินสูงเกินตร.ว.ละ 1 ล้านบาท ค่ายพฤกษา-เพอร์เฟค-โนเบิล ผุดคอนโดฯ ขายแล้ว บิ๊กทุนจ้องตาเป็นมันที่ดิน 2 แปลง 50 ไร่ “หมอพงษ์ศักดิ์-แหลมทอง”ปัจจุบันรัชดาภิเษกกลายเป็นย่านซีบีดีรองต่อจาก สีลม-สาทร-สุขุมวิทราคาที่ดินแพงและหายาก และด้วยศักยภาพของถนนวงแหวนรอบในเชื่อมโยงถึงจรัญสนิทวงศ์ ฝั่งธนบุรี ก่อนวกกลับมาจุดเดิม ทำให้ดีเวลอปเปอร์เกาะเกี่ยวการพัฒนาไปตามแนวถนนประกอบกับรถไฟฟ้าใต้ดินMRTสีน้ำเงินพาดผ่านส่งผลให้คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงานและค้าปลีกขยับออกจากซีบีดีหลักมา ปักธงทำเลดังกล่าวมากขึ้น
นายเลิศมงคล วราเวณุชย์ เลขาธิการสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทยเปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าขณะนี้ทำเลถนนรัชดาภิเษกคึกคักมาก เนื่องจากมีจุดตัดของรถไฟฟ้าใต้ดิน 2 สาย แห่งแรกของประเทศไทย คือ สายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี กับรถไฟฟ้าใต้ดิน เอ็มอาร์ที สายสีน้ำเงินช่วง บางซื่อ-หัวลำโพงของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) อนาคตสถานีศูนย์วัฒนธรรมฯจะเป็นจังก์ชันใหญ่ เหมือนประเทศญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ที่ นอกจากเป็นจุดเปลี่ยนถ่ายเส้นทางรถไฟฟ้าแล้วอนาคตรัศมีโดยรอบจะเป็นย่านพาณิชยกรรมและที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่
ปัจจุบันบริเวณดังกล่าวมีการพัฒนาเกือบเต็มพื้นที่แล้วเนื่องจากมีเอ็มอาร์ทีสายสีน้ำเงินเกิดขึ้นก่อน อาทิ บมจ. พฤกษา เรียลเอสเตท, บมจ. เอพี, บมจ. พร็อพเพอร์ตี้เพอร์เฟค และบมจ.โนเบิล 2 อาคารที่เปิดขายแล้วและอีกอาคารอยู่ระหว่างก่อสร้างเป็นของบมจ.แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ นอกจากนี้ยังมีบมจ.ศุภาลัยพัฒนาโครงการ ติดศูนย์วัฒนธรรม ขณะที่ ค่ายจีแลนด์พบว่ามีการนำโครงการร้าง มาพัฒนาใหม่ รองรับสายสีส้ม เป็นต้น
อย่างไรก็ดีที่ดินติดสถานีศูนย์วัฒนธรรมสายสีส้มยังมีที่ดินว่างเปล่าคือ ของ น.พ.พงษ์ศักดิ์ วิทยากร 33ไร่ และ ค่ายแหลมทองสหการ 18 ไร่ 2แปลงรวมกัน 50 ไร่ ทั้งนี้ มองว่า บริษัทพัฒนาพัฒนาที่ดิน สนใจแต่เชื่อว่า เจ้าของน่าจะไม่ขายขณะที่ราคาที่ดินล่าสุดติดสถานีศูนย์วัฒนธรรมสายสีส้มและสีน้ำเงินรวมทั้งสถานีพระราม9บริเวณห้างเช็นทรัลราคา 1 ล้านบาทต่อตารางวาขณะนี้สายสีส้มยังไม่เซ็นสัญญา แต่หากตอกเข็มก่อสร้างจะขยับขึ้นอีกแน่และอีก 5 ปีนับจากนี้หากสายสีส้มเปิดให้บริการราคาจะขยับไปไกลกว่านี้
ปัจจัยที่ทำให้ราคาที่ดินขยับคือ ปรับการใช้ประโยชน์ที่ดินตามผังเมืองรวมกทม. ให้ค่าเอฟเออาร์ หรือ สัดส่วนพื้นที่อาคารต่อที่ดิน เป็น10ต่อ1หรือ ย่านพาณิชยกรรม จากปัจจุบันเป็นย่านที่อยู่อาศัยพัฒนาได้ 6-7 เท่าของแปลงที่ดิน
อนาคตย่านนี้ จะเป็นเหมือนถนนออชาดประเทศสิงค์โปรที่ กลางวันเป็นย่านช็อปปิ้งและแหล่งงาน ส่วนกลางคืนจะเป็นที่อยู่อาศัย ในคราวเดียวกัน
นายเลิศมงคลกล่าวต่อว่า ปัจจุบัน จุดตัด บริเวณอโศกและสุขุมวิท แต่ เป็นรถไฟฟ้าบนดินบีทีเอสและใต้ดินเอ็มอาร์ที แต่ก็มีเทอร์มินอล 21 ไปปักธง รวมถึงอนาคต ส่วน สถานีหมอชิต และสถานีจตุจักรที่ บีทีเอสและ เอ็มอาร์ที ตัดกัน หาก ที่ดินธนารักษ์พัฒนาก็จะเป็นคอมเพล็กซ์ใหญ่ อีกทั้ง สถานีกลางบางซื่อ ชุมทาง รถไฟฟ้า 12 เส้นทาง ซึ่งบริเวณนี้จะเป็นย่านพาณิชยกรรมขนาดใหญ่ในอนาคต
สำหรับราคาทีดิน รถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนนุชเดิมตารางวา3-4หมื่นบาท ขณะนี้ 3แสนบาทต่อตารางวา สถานีศูนย์วัฒนธรรม สายสีน้ำเงิน ตารางวา 1ล้านบาท จากเดิม 1-2 แสนบาทต่อตารางวา ขณะที่สายสีม่วง ทำเลรัตนาธิเบศร์ เดิมตารางวาละ 2-3 หมื่นบาท ขณะนี้ ตารางวาละ 3 แสนบาท ซึ่งขยับขึ้น10 เท่าตัว
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ