งานสัมนาประจำปีธนาคารเกียรตินคิน หรือ KK จัดสัมมนาประจำปี หัวข้อ “ปรับตัวอย่างไร ในวันที่อนุมัติสินเชื่อไม่ใช่เรื่องง่าย” กมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2560 ณ โรงแรมปกรนด์ไฮแอท เอราวัณ มีรายละเอียดดังนี้
นางไลวรรณ ปองเสงี่ยม รองกรรมการผู้จัดการกลุ่มงานสินเชื่อ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ธอส.อยู่ในตลาด 63 ปี ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้อย่างเดียว ถ้าลูกค้ามีความสามารถในการกู้เราไม่ปฏิเสธสินเชื่อแน่นอน
ปกติพิจารณาความสามารถผู้กู้เป็นหลักมีความยืดหยุ่นของรายได้ผู้กู้ ปกติดูจากไม่เกิน 1 ใน 3 ของรายได้หรือ 33% บางกลุ่มอาจขยับไปถึง 50-80% ขึ้นกับความมั่นคงของรายได้ และช่องทางการชำระหนี้ เช่น สินเชื่อสวัสดิการ หักค่างวดจากเงินเดือน ทำให้มีความเสี่ยงต่ำในการชำระเงินกู้
ด้านอาชีพก็เป็นปัจจัยสำคัญ มนุษย์เงินเดือนรายได้มั่นคงแน่นอนถ้าไม่ตกงาน แต่ละปีเงินเดือนจะเพิ่มอย่างน้อย 5% ขณะที่อาชีพอิสระ ผู้ประกอบการรายย่อย เอสเอมอี เราต้องดูแคชโฟลว์ ความสม่ำเสมอของรายได้ที่เข้ามา อยู่ในธุรกิจที่มีความเสี่ยงหรือเปล่า
ปัจจุบันสินเชื่อเฉลี่ยรายละ 2-3 ล้านบาทเพราะราคาบ้านปรับแพงขึ้น โดยนโยบายจากรัฐบาลต้องการให้ปล่อยกู้ต่ำกว่านี้ แต่จะเห็นว่ากลุ่มใหญ่อสังหาฯ ราคาต่ำล้านก็น้อยลงแล้ว
(คำถาม-แนวโน้มอเมริกาจะขึ้น ขณะที่ดอกเบี้ยนโยบายไทยต่ำสุดคือ 1.25% เวลาแบงก์แนะนำที่เคาน์เตอร์ขายลูกค้าจะงงๆ มาก แนะนำการเลือกแพกเกจสินเชื่อยังไง)
ตอนี้ผู้ประกอบการกับแบงก์ต้องช่วยกันแนะนำ ให้ลูกค้าเลือกตามกำลังความสามารถของเขา อย่าเกินตัว ต้องช่วยดูเป็นตัวสกรีนเบื้องต้น
ตอนนี้ธนาคารจะมีเจ้าหน้าทมี่ไปคุยกับพนักงาน แชร์ความรู้เรื่องนี้
การกุ้เงินซื้อบ้านอยากให้มองละเอียดและระยะยาว สังเกตว่าช่วงแรกๆ ดอกเบี้ยโปรโมชัน 0% 3 เดือน ตอนนี้เริ่มกลับมาใช้ MRR ดอกเบี้ยโปรโมชันได้ประโยชน์แค่ 3 ปีแรก ระยะต่อไปจะสูงขึ้น
ในแง่ของแบงก์ ช่วงแรกๆ แม้ดอกเบี้ยต่ำแต่การคำนวณงวดผ่อนได้คำนวณทิศทางดอกเบี้ยขึ้นในอนาคตประมาณ 1% เรามองเรื่องป้องกันไม่ให้ลูกค้าเป็น NPL (หนี้เสีย)
ตอนนี้เรามผลิตภัษฑ์ตอบสนองลูกค้าได้ทุกกลุ่ม ทั้งบ้านจัดสรร ข้าราชการ ฟาสต์แทร็ก เดินมาหาเราช่องทางไหนมีสินเชื่อดีที่สุดกับลูกค้าแต่ละราย
ฟิกซ์เรตตอนนี้ให้ระยะสั้นไม่เกิน3 ปี
สำหรับคำแนะนำลูกค้า เราไม่ได้สเต็ปตั้งแต่ปีแรก ให้ 3 ปีก่อนแล้วค่อยขยับ
ปี 2559 เราปล่อย 1.68 แสนล้านบาท ปีนี้วางเป้าเติบโต 6% 1.78แสนล้านบาท
ผู้ประกอบการร่วมมือกับแบงก์ได้ยังไง ช่วกันในขั้นตอนเตรียมความพร้อม หาทางออกเช่น หาผู้กู้ร่วม
พรีแอพพรูฟที่ใช้เวลาน้อยที่สุดนานแค่ไหน ทำได้ที่โครงการเพราะมีเจ้าหน้าที่สินเชื่อของแบงก์ หรือต้องใช้เวลานานกว่านั้น ทั้งนี้ พรีแอพพรูฟจากเอกสาร จะวิเคราะห์ได้เบื้องต้น แต่ตัวแปรอีกตัวคือราคาประเมินหลักประกัน ปกติถ้าซื้อบ้านจากโครงการราคาบ้านได้มาตรฐานอยู่แล้ว เราปลอ่ยตามราคาซื้อขายเลย
กรณีต้องกลับมาเช็กเครดิตบูโร ถ้าเราเช็กแล้วประกอบการพิจารณาได้เลย ปกติ SLA การพิจารณาสินเชื่อของธอส. แจ้งลูกค้าไม่เกเน 5 วันในกลุ่มลูกค้าอาชีพประจำ แต่ถ้าอาชีพอิสระต้องดูสถานที่ประกอบการจริง
ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ เซ็นเตอร์อยู่สำนักงานใหญ่อยุ่แล้ว
ในด้านราคาประเมิน มีหลายแบบ เช่น ถ้าทำข้อตกลงว่าจะเอาลูกค้ารายย่อยก็ประเมินทั้งโครงการ แบบนี้จะเร็วกว่าปกติ อาจไม่ถึง 5 วันเพราะรู้ราคาอยู่แล้ว ไปดูนิดหนึ่งว่าเสร็จจริงหรือเปล่า
กับลูกค้าฟาสต์แทร็ก เราเชื่อในประสบการณ์เครดิตของผู้ประกอบการ ใช้ราคาซื้อขายโดไม่ต้องประเมินโครงการ
ผู้ประก่อบการที่จะทำฟาสต์แทร็กคือ หนึ่ง ดุระยะเวลา สอง ทุนจดทะเบียน สาม ดูยอดขายในช่วงที่ผ่านมา มีกำหนดว่ายอดขายเท่านี้ๆ อยู่ได้ ทำให้ลูกค้าได้สินเชื่อตามราคาซื้อขาย กับรวดเร็วขึ้น และปกติบ้านที่จะโอนได้ต้องไม่น้อยกว่า 90%
ตลาดพรีไฟแนนซ์เฉพาะอพาร์ตเมนต์กับโครงการตามนโยบายรัฐ เช่น บ้นาประชารัฐ
ผู้ประกอบการที่ยังไม่ได้อยู่ในฟาสต์แทร็ก อยากเข้าตอนนี้ยื่นเอกสารที่สาขาได้เลย
กรณีลูกค้ากู้ 100 รายมีหนี้เสียเยอะ กระทบต่อลูกค้ากู้รายใหม่ ธอส.ใช้เป็นตัวมอนิเตอร์ลูกค้ารายใหม่เป็นกรณีพิเศษมากกว่า
สำหรับนโยบายรัฐบาลที่ออกมากระตุ้นอสังหาฯมาตรการที่ได้ผลทำให้คนขอกู้มากที่สุด หนีไม่พ้นการลดหย่อนค่าโอนและจดจำนอง
อีกเรื่องคือเครดิตบุโรที่บันทีกประวัติ3 ปี ตอนี้เราใช้ข้อมูลเครดิตบูโรในการพิจารณา แต่ถ้ามีการผิดนัดชำระหนี้ในนั้นแล้วเราจะปล่อยไม่ได้ ต้องดูเคสไหน แต่ถ้าเคสนั้นถูกดำเินนการานกฎหมาย เราไม่ปล่อยสินเชื่อ แต่ถ้าอยู่ในขั้นประนอมหนี้แล้ว ปิดหนี้เก่าแล้วเราจะให้สินเชื่อ อาจมีเงื่อนไขว่าปิดหนี้เดิม 3-6 เดือน
นางวิภาภรณ์ ชัยรัตน์ รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารงานเสี่ยง ธนาคารออมสิน กล่าวว่า คล้ายกับ ธอส. ปล่อยสินเชื่อต้องดูประวัติลูกค้า ประวัติการเป็นหนี้ในอดีตที่ผ่านมา ไม่มีการผิดนัดชำระหนี้ เช็กเครดิตบูโร มีเอสกอร์, บีสกอร์ เรื่องพฤติกรรม ตอนนี้กำลังพัฒนาซีสกอร์เพิ่มขึ้นมา
เอสกอร์ วิเคราะห์เบื้องต้นว่ารูปร่างหน้าตาเป็นยังไง รายได้ การสมรส มีบุตรกี่คน (ภาระค่าใช้จ่าย)
บีสกอร์ ดูพฤติกรรม มีการผ่อนชำระสม่ำเสมอไหม ค้างกี่งวดมาก่อน
ซีสกอร์ คอลเลคชันสกอร์ ช่วยในการวิเคราะห์และเก็บหนี้ มีผลต่อการเพิ่มยอดให้กับลูกค้าที่มีประวัติดี การพิจารณาสินเชื่อจะง่ายขึ้น
ดูที่มาของรายได้ มีความมั่นคงอาชีพ รายได้สม่ำเสมอจะเป็นปัจจัยสำคัญ และเงินงวดผ่อนชำระมีความสามารถด้วย เราดูที่ 70:30 บางรายอาจได้มากถึง 80%
อีกเรื่องคือหลักทรัพย์คำ้ประกันต้องมีสภาพคล่องพอสมควร ออมสินทำเอมโอยูกับหน่วยงานในการหักเงินนำส่ง เป็นตัวปัจจัยที่ทำให้การพิจารณาสินเชื่ออนุมัติได้เร็ว ในขณะที่อาชีพข้าราชการกู้ได้ค่อนข้างสูงอยู่แล้วเพราะอาชีพค่อนข้างมั่นคง
(คำถาม-เสียงสะท้อนจากอาชีพอิสระกิจการรถเข็น กู้ได้ไหม)
เรามีลูกค้ากลุ่มนี้เยอะ ให้สาขาไปคอนแท็กว่าเป็นพ่อค้าแม่ค้าตามตลาดสด ไปทำบัญชี สเตตเมนต์ช่วย ดูรายได้ว่ามีความสามารถขนาดไหน เป็นปัจจัยในการอนุมัติสินเชื่อ เราจะให้ฝากสม่ำเสมอ 6 เดือน ดูสภาพคล่อง ดูกระแสเงินสดว่ามีเพียงพอจ่ายหนี้เราได้ไหม อาศัยคอนเนคชันกับทางสาขาเพราะใกล้ชิดมากกว่า
และดูด้วยว่าถ้าขายของประเภทนี้ กำไรสุทธิกี่เปอร์เซนต์ เพราะรายได้รับเงินสดเป็นรายได้รวม เรามีโปรแกรมคำนวณให้ด้วย
เฉลี่ยอดปล่อยกู้ 2-3 ล้านบาท โดยเราไปเติมเต็มทั่วประเทศ 1,200 สาขา สามารถรองรับลูกค้าต่างจังหวัดได้ค่อนข้างดี ใกล้ชิดลูกค้า
เรามองว่าลูกค้าตางจังหวัด รถไฟฟ้าจะไปถึง คิดว่ามีศักยภาพมากขึ้น จึงเน้นตรงนั้นมากกว่า
ข้อแนะนำเลือกดอกเบี้ย อยากให้ผู้ประกอบการช่วยแนะนำด้วย เพื่อปิดการขายเร็ว ทำพรีแอพพรูฟก่อนส่งเรา ถ้าโครงการไหนเราปล่อยพรีไฟแนนซ์ก็จะปล่อยโพสต์ไฟแนนซ์ด้วย
ลูกค้ารายย่อยถ้าเตรียมตัวมากู้อยากให้เดินสเตตเมนต์สัก6 เดือนก่อนมากู้ เราจะดูวงเงินเหมาะสมขนาดไหนในการกู้ ดอกเบี้ยจะดูฟิกซ์ 3 ปีให้ก่อนรองรับการขึ้นดอกเบี้ยด้วย เพราะเป็นกฎของแบงก์ชาติด้วย ถ้ารีไฟแนนซ์ภายใน 3 ปีมีค่าปรับได้ แต่หลังจากนั้นไม่มีค่าใช้จ่าย เราก็ให้คำแนะนำว่าถ้าดอกเบี้ยจะขึ้น เราบอกลูกค้าทำฟิกซ์เรตก่อนดีกว่าไหม สัก 1% ที่คำนวณให้เงินงวดผ่อนเท่าเดิม หรือผ่อนเร็วขึ้นเพราะกำหนดไว้เผื่อแล้ว
อีกเรื่องที่จะช่วยลูกค้าได้ คือการซื้อประกันความเสี่ยงสินเชื่อ จะมีบริษัทประกันมาช่วยจ่ายให้ มองว่าเป็นทางเลือกในการช่วยลูกค้าได้
ปี 2559 เราปล่อยสินเชื่อ 12.7% ของทั้งตลาด มีแผนรักษาสัดส่วนตลาด และมีอัตราเติบโตอยู่อีก
ความช่วยเหลือแนะนำลูกค้า ถ้าเราปล่อยพรีไฟแนนซ์จะง่ายเพราะพิจารณาเครดิตโครงการไว้แล้ว กับงวดเงินดาวน์เป็นตัวคัดกรองว่าไม่ทิ้งเงินดาวน์ในอนาคต ผู้ซื้อมีพฤติกรรมเก็งกำไรไหมในการซื้อหลังที่ 4-5
ในด้านการพรีแอพพรูฟกี่วัน เหมือนธอส. ในขณะที่ราคาประเมิน โครงการอสังหาฯ จะมีการจัดเรตติ้ง AAA ให้ตามราคาซื้อขายเลย, AA อาจมีการปรับลดบ้าง แต่มีตารางให้กับพนักงานขายในการตอบลูกค้า
การอนุมัติสินเชื่อเราตั้งเป้าภายใน5 วัน แต่ตอนนี้กำลังตั้งศูนย์อนุมัติสินเชื่อรายย่อย ตั้งขึ้นมาเพื่ออนุมัติอย่างเดียวเลย ลดภาระการทำหน้าที่สาขา เพราะมีงานด้านอื่นทั้งสินเชื่อรายย่อย เอสเอมอี ตามหนี้ เงินฝาก มีงานหลายด้านมาก จึงตั้งศูนย์ตอนี้มีสาย 1 ปีนี้จะตั้งให้ครบทุกภูมิภาค
การประเมินหลักทรัพย์ ออมสินมีฟาสต์แทร็กอยู่แล้ว มีตาางประเมินแบบบ้าน แปลง อยู่ชัดเจน กับกลุ่มผู้ประกอบการมีชื่อเสียง เกรด AAA ใช้ราคาซื้อขายเป็นราคาประเมินเลย
เกรด AAA ส่วนใหญ่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ แต่ถ้าไม่อยู่ในตลาดก็ต้องประเมินผู้ประกอบการก่อน
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการ AAA ดูว่าอยู่ในตลาดหุ้นไหม มีผลประกอบการที่ดี ทุนจดทะเบียน เป็นลูกค้าเรารู้ประวัติดี มีการวิเคราะห์โครงการก่อนปล่อยพรีไฟแนนซ์ด้วยซ้ำ ทำให้สามารถจัดเกรดได้ตั้งแต่ตอนต้น ซึ่งออมสินปล่อยทั้งพรีไฟแนนซ์และโพสต์ไฟแนนซ์
คนที่อยากเข้าฟาสต์แทร็ก มีสองกลุ่ม เริ่มจากบางกลุ่มเราเข้าไปหาเองเลย มองว่าเป็นโครงการที่ดี เราอยากเข้าร่วมปล่อยโพสต์ไฟแนนซ์ อีกกลุ่มคือลูกค้าสนใจทำโพสต์ไฟแนนซ์ แค่โทรมาหาฝ่ายการตลาดเอสเอมอี เราจะไปหาเขา และจัดเกรดให้เลย
เอกสารมีผลประกอบการ ทุนจดทะเบียน กับทั่วๆ ไป
ถ้าโครงการเดียวกันลูกค้าเดิมมีหนี้เสียเยอะ แบงก์แยกประเภทเพราะถือเป็นลูกค้ารายย่อยมากกว่า โดยอาจมีการดูแลพิเศษแต่ไม่เกี่ยวกับโครงการ
สำหรับมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ของรัฐบาล ได้ผลมากที่สุดเรื่องลดหย่อนค่าโอนและจดจำนอง อีกโครงการคือบ้านประชารัฐสำหรับผู้มีรายได้น้อย
ยังมีทางอ้อม คือการขยายการลงทุนอินฟราสตรัคเจอร์ ขยายเส้นทางรถไฟไปต่างจังหวัดหรือชายแดน คิดว่าเป็นมาตรการหนึ่งกระตุ้นอสังหาฯ ได้
การใช้ข้อมูลเครดิตบูโรใช้เป็นตัวประกอบ การผิดนัดชำระหนี้ของลูกค้าถ้ารอบปีมีแค่ 1-2 ครั้งยังปล่อยสินเชื่อได้ แต่ถ้าพฤติกรรมผิดนัดชำระบ่อยๆ จะบอกได้ว่ามีความเสี่ยง
(คำถาม-KK เลี้ยงไก่ กำลังจะกินไข่ หรือปล่อยโพสต์ไฟแนนซ์)
นายภัทรพงศ์ รักตะบุตร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ประธานสายช่องทางการตลาดและพัฒนาฐานลูกค้า ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีที่แล้วเริ่มทำสินเชื่อรายย่อยหรือโพสต์ไฟแนนซ์ เซ็ตอัพทีมเป็นรูปเป็นร่างเมื่อปลายปีที่แล้ว ทำสินเชื่อที่อยู่อาศัยโดยเฉำพาะ
วิธีการเริ่มจากทำงานร่วมกับสายงานอื่นๆ เตรียมผลิตภัณฑ์แข่งขันได้ การปล่อยสินเชื่อต้องดูว่าแบบนี้ปล่อยได้ไหม กลุ่มเป้าหมายคือใคร จนมีความพร้อมระดับหนึ่งก็ตั้งทีมขึ้นมา พนักงาน 100 คน หน้าที่ดูแลลูกค้าและโครงการโดยเฉพาะ ไม่ใช่น้องหนึ่งคนทำได้ทุกโปรดักต์ ประสบการณ์สิบปีแล้ว
วิธีการจะเข้าไปติดต่อโครงการหรือดีเวลอปเปอร์ ถ่ายทอดนโยบายให้ ดูแลและให้บริการตลอด นี่คือวิธีการเสริมช่องทางการตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัย
การต่อสู้กับแบงก์ใหญ่ เราไม่สู้กับธอส.-ออมสิน ในแง่ผลิตภัณฑ์กับนโยบายสินเชื่อไม่ได้แตกต่างกันมาก อยู่ที่การบริหารความเสี่ยงของแต่ละธนาคาร
จะเจอว่ามีเราไม่ปล่อยแบงก์อื่นปล่อยแบงก์อื่นไม่ปล่อยแต่เราปล่อย
ขั้นแรกเราดูวัตถุประสงค์การซื้อบ้าน เช่น ซื้อเพื่ออยู่เอง ชัดเจน ไม่ใช่หลังที่ 4-5-6 น้ำหนักชัดเจนแล้ว เรายังไม่ได้ใช้สกอริ่ง ใช้แค่ ดึงเครดิตบูโรมาดู จะพัฒนาเอสสกอร์
สอง ดูประวัติการผ่อนชำระ มาจากเอ็นซีบี ดูความตั้งใจการผ่อนชำระ มีประวัติยังไง จากนั้นมาดูความสามารถในการผ่อนชำระ เช่น รายได้มีเท่านี้แต่ไปซื้อบ้านราคาเยอะมาก คำนวณขั้นต้น รวมกับภาระหนี้มีอยู่แล้ว เขาจะเหลืออะไรทานในแต่ละวัน
เช่น ลูกค้าซื้อบ้านสองล้านก็อยากกู้สองล้าน ถ้าเขาผ่อนได้เราก็ให้ตาม LTV แต่ถ้าไม่ไหวในมุมมองบริหารเสี่ยงของแบงก์ ลูกค้าบอกขอกุ้สัก 80% อาจมีดาวน์สัก 20%
ทาร์เก็ตเซกเมนต์โพสต์ไฟแนนซ์ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าต้องกี่ล้านขึ้นไป แต่เท่าที่ทำมาเกือบ 1 ปี ไซซ์เฉลี่ยอยู่ที่ 4-5 ล้านบาท แต่ลูกค้ากู้ 2 ล้านกว่าเราก็ปล่อย ไม่ใช่ต่ำกว่า 3 ล้านแล้วจะไม่ปล่อย เรามองความสามารถลูกค้าเป็นหลักมากกว่า
ส่วนราคาบ้านขึ้นอยู่กับราคาประเมินอยู่แล้ว นั่นคือภาพรวมเราปล่อยตั้งแต่ 2-3 ล้านจนถึง 20-30 ล้านบาท ขณะที่เงินกู้ 1 ล้านกว่ายังไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่
ยอดโอนบ้านเดี่ยว 5 ล้าน ทาวน์เฮาส์ 1ใ8 ล้าน และคอนโดเฉลี่ย 2 ล้านกว่า
สำหรับข้อแนะนำลูกค้า มองว่าตลาดตอนนี้เป็นทางเลือกลูกค้าและโครงการ จุดที่จะช่วยได้สิ่งแรกเลย ทำความเข้าใจนโยบายสินเชื่อและผลิตภัณฑ์ของแต่ละธนาคาร แฟร์ๆ เลย เพราะทีงานถ้าเข้าใจหลักเกณฑ์ชัดเจน คุยแป๊บเดียวจะรู้เลยว่าสามารถยื่นกู้ที่ไหนได้ง่ายกว่า สะดวกกว่า เพราะมีความแตกต่างของแต่ละสถาบันการเงิน
ส่วนงวดผ่อน ขึ้นกับลูกค้าแต่ละคน KK มีการผ่อนที่เรียกว่าผ่อนแบบสเต็ป ขั้นบันได เหมาะกับลูกค้าที่ปีแรกต้องการมีภาระน้อยหน่อย ปีหลังๆ มีกำลังผ่อนมากขึ้น หรือปีแรกๆ จะปิดการผ่อนที่อื่นค่อยมาผ่อนเยอะๆ ปีหลังๆ
ลูกค้าตอนนี้ส่วนใหญ่ดูแค่เฉลี่ย 3 ปีเป็นหลัก จากนั้นกะรีไฟแนนซ์ แต่อยากให้ดูไกลๆ เพราะ MRR, MLR แต่ละแบงก์แตกต่างกัน +6-7-7% อยู่แบงก์เดิมค่าใช้จ่ายรีไฟแนนซ์ยังดีกว่าอีก
เร่องการเตรียมตัว เราจะได้ไม่เสียเวลาถ้าเตรียมเอกสารให้ครบ เรพาะเสียเวลาวิ่งไปมาหลายรอบ ลูกค้าบางรายต้องการกุ้บ้านแพง แต่เวลายื่นเอกสารไม่ครบ มีแค่นี้ให้แค่นี้ ก็มีผล ถ้าตั้งใจได้บ้านหลังแพงมากๆ ความตั้งใจมีสูงอยู่แล้ว รายได้เสริม รายได้อื่น สเตตเมนต์ก็ยื่นไม่ครบ พวกนี้ช่วยกันได้
เรื่องเป้าสินเชื่อเราไม่กล้าพูดหลักแสนล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้าไว้ 5,000 ล้านบาท โต 5 เท่าจากปีที่แล้ว
กรณีผู้ประกอบการช่วยแบงก์ได้ยังไง ปกติจะไม่ขอประวัติสินเชื่อลูกค้า ติดต่อพนักงาน KK เข้ามาเลยจะคุยกับลูกค้าให้ เป็นการคุยเบื้องต้น แต่จริงๆ แล้วเรื่องเอกสาร ดูความเหมาะสมของลูกค้า เจ้าหน้าที่ประเมินได้เบื้องต้น ว่ามีเงินดาวน์หรือไม่ เพราะถ้าไม่มีดาวน์เลยแล้วขอเต็ม 100% ของราคาสินค้าก็จะพิจารณายากหน่อย
ต้องเข้าใจแบงก์ด้วย ในการขอกู้ติดต่อเจ้าหน้าที่ลูกค้า จะรวดเร็วมากขึ้นเพราะวิเคราะห์เบื้องต้นให้ได้ทันที
การทำพรีแอพพรูฟกี่วัน เจ้าหน้าที่ตอบได้เบื้องต้นเหมือนกัน แต่ถ้ามีเอกสารพร้อม ถ้าเจ้าหน้าที่เรากลับมายื่นก่อนบ่าย 3 พรุ่งนี้รู้ผลทันทีสำหรับมนุษย์เงินเดือน แต่ต้องรอประเมินราคาอสังหาฯด้วย ใช้เวลา 2-3 วัน
ถ้าอาชีพอิสระ อาจใช้เวลา 3-4 วัน เพราะต้องไปดูของจริงด้วย
ในด้านการประเมิน มีทั้งประเมินโครงการและประเมินเดี่ยวๆ แต่ก็มีย้อนหลัง ตามหลังมาเหมือนกันว่าสิ่งที่เราปล่อยไปมันเบี่ยงเบนแค่ไหน อยู่ใน 5-10% ถือว่ารับได้
เรื่งการจัดเกรดผู้ประกอบการ เหมือนทั่วๆ ไป บริษัทมีชื่อเสียงไหม ยอดขายดีหรือเปล่า ส่วนการปล่อยทั่วๆ ไป ต้องมานั่งพูดคุย เรื่องสภาพคล่องโครงการ ราคาประเมินด้วย ถ้าราคาซื้อขายกับราคาประเมินใกล้เคียงกันตรงนี้ช่วยได้เยอะมาก
บริษัทที่ธนาคารปล่อยพรีไฟแนนซ์จะง่ายกว่ามาคุยกับทีมงานเราดีกว่า
กรณีรายย่อยมีหนี้เสียเยอะ ไม่น่าจะเกี่ยวกับโครงการแตต้องไปดูเครดิตกับคุณภาพสินเชื่อของรายย่อยมากกว่า
ในส่วนมาตรการกระตุ้นอสังหาฯของรัฐบาล การลดหย่อนค่าโอนและจดจำนองได้ผลดี แต่เป็นมาตรการระยะสั้นไปหน่อย น่าจะมีข้อกำหนดว่าเป็นบ้านหลังไม่เกิน 3-4 เพราะมีเยอะเหมือนกันที่กู้ซื้อบ้kนหลังที่ 4-5
การใช้เครดิตบูโร บางโปรดักต์ดู 1-2 ปี บางครั้ง 6 เดือน ดูว่ามีกี่ครั้ง ถ้าเจอหนี้เสีย 3-4 ครั้งก็จะตัดไปเลย
(ช่วงถาม-ตอบ)
คำถาม-รีเวิร์สมอร์เกจมีแนวทางอย่างไร
ธอส.เตรียมการก่อนไม่ได้ต้องรอให้กฎหมายผ่านก่อนจึงจะฟอลโลว์ได้
คนที่มีบ้านเอามาจำนองแล้วรับเงินเป็นรายเดือนเมื่อเสียชีวิตทายาทสามารถขายบ้านแล้วเอาเงินมาโปะหนี้ หรือธนาคารนำไปายทอดตลาด
ออมสินมองเหมือน ธอส. และอีกเรื่องคือต้องมีอินชัวรันส์มอร์เกจด้วย
คำถาม-เกณฑ์คำนวณ
(คำตอบ)มากกว่า 1 ใน 3
คำถาม-การคิดคำนวณเครดิตบูโร เอาทุกรายการมีคำนวณด้วยหรือไม่
(คำตอบ) ออมสินมีเกณฑ์การคิดเหมือนบัตรเครดิต ไม่ได้คำนวณ 100% แต่พอคำนวณสินเชื่อ คำนวณหนี้จะคิดเกณฑ์ 100% แยกระหว่างฮาร์ดโลนกับซอฟต์โลน
คำถาม-ผู้กู้อายุ 45 ปีขึ้นไป ขออายุสินเชื่อ 25 ปีได้ไหม
(คำตอบ) ได้ค่ะ เพราะเราให้เวลากู้สูงสุดไม่เกิน 30 ปี อายุผู้กู้ไม่เกิน 70 ปี, ออมสินอายุผู้กู้ไม่เกิน 65 ปี , KK ไม่เกิน 79 ปี
คำถาม-แนวโน้มมีการยกเว้นค่าประเมินรายย่อยหรือไม่
(คำตอบ) ขึ้นกับโครงการจะเอาอันนั้นมาที่เราหรือเปล่า มีที่เราเรียกว่าการประเมินราคาล่วงหน้า ผู้ประกอบการไม่ต้องมาหาเราแต่เราจะไปประเมินไว้ล่วงหน้า
คำถาม-ยื่นกู้ออนไลน์ได้ไหม
(คำตอบ)ธอส.ตามขั้นตอนยื่นออนไลน์ก่อนได้ สำหรับการลงพื้นที่ แล้วเอกสารจริงค่อยตามมาทีหลัง
ออมสินไม่คิดราคาประเมินกับรายย่อย เพราะแบงก์ได้ประเมินโครงการไปแล้ว
คำถาม-การประเมินสินทรัพย์มักใช้เอาต์ซอร์ส ควบคุมมาตรฐานอย่างไรให้ได้มาตรฐานเดียวกัน ที่ผ่านมาโครงการเดีวกันได้คนละอย่าง
(คำตอบ) ธอส.มีผู้ยื่นขอสินเชื่อปีละแสนราย แต่เรามีการตรวจสอบคุณภาพการประเมินมีการเบี่ยงเบนมากน้อยแค่ไหน
ออมสินมีการควบคุมผู้ประเมินรายไตรมาสอยู่แล้วและมีการรับรองราคาก่อน เขาจะเห็นราคามาตรฐาน บางบริษัทประเมินสูงเกินไปพนักงานสาขาจะรู้
KK การประเมินราคามีสเต็ปอยู่แล้ว บางโครงการปรับขึ้นสูงจริงๆ บางครั้งเราขอรีวิวให้ใหม่ มีการออกสำรวจโครงการใกล้เคียงด้วยซ้ำ มีขั้นตอนอยู่แล้วตรงนั้น มีการผ่านคณะกรรมการก่อนจะใช้ กับดูเรื่องต้นทุนด้วย
นายอิสระ บุญยัง นายกกิติมศักดิ์ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวเพิ่มเติมว่า รีเจ็กต์เรตสูงขึ้นจริงไหม ให้ดูข้อมูลปี 2556 สินเชื่อทะลุ 5.6 แสนล้านบาท ปี 2557-2558 สินเชื่อรวมทะลุ 5.7 แสนล้าบาท ปี 2559 ทะลุรอบ 19 ปี ที่ 5.89 แสนล้านบาทสำหรับสินเชื่อรายย่อย แต่ละแบงก์ก็วางเป้าเติบโต จึงจะเห็นสินเชื่อรายย่อยยังเติบโต แต่ผู้ประกอบการต้องช่วยแบงก์ในการพิจารณาสินเชื่อ ดีที่สุด เร็วที่สุด