“ศุลกากร” เตรียมส่งหลักฐานถึงดีเอสไอ เดินเครื่องดำเนินคดี “ซุปเปอร์ซาร่า” เบี้ยวจ่ายภาษี และค่าปรับรถเมล์เอ็นจีวี 99 คัน แถมยื่นให้ตรวจสอบเป็นนอมินีอีกคดี นายกรีชา เกิดศรีพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง และรองโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ภายในสัปดาห์นี้ กรมศุลกากรจะส่งหลักฐานให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินคดีกับ บริษัท ซุปเปอร์ซาร่า จำกัด ฐานนำเข้ารถเมล์เอ็นจีวี 99 คัน สำแดงเป็นเท็จเลี่ยงภาษี และไม่ยอมมาจ่ายภาษี และค่าปรับ 2 เท่า เพื่อนำรถออกไป
นอกจากนี้ จะส่งหลักฐานให้ดีเอสไอ ดำเนินคดีกับซุปเปอร์ซาร่า ในฐานะเป็นนอมินีของบริษัท เบสท์ริน จำกัด เพื่อให้ดีเอสไอ สอบสวนดำเนินคดีไปพร้อมกันด้วย
โดยที่ผ่านมา บริษัท ซุปเปอร์ซาร่า จำกัด ไม่ยอมรับว่า นำเข้ารถเมล์เอ็นจีวี 99 คัน เลี่ยงภาษี และไม่ยอมเซ็นเอกสารต่างๆ เพื่อยอมรับผิด ทำให้กรมศุลกากรต้องดำเนินการส่งหลักฐานให้ดีเอสไอ ดำเนินคดี ซึ่งกรมศุลกากรมีหลักฐานว่า การนำเข้ารถเมล์เอ็นจีวีทั้ง 489 คันสำแดงเท็จ ไม่ได้เป็นรถที่ผลิตในประเทศมาเลเซีย แต่เป็นรถที่นำเข้าจากประเทศจีน
ทั้งนี้ บริษัท ซุปเปอร์ซาร่า จำกัด นำเข้ารถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน แบ่งเป็น 5 ใบขน ใบขนแรกจำนวน 1 คัน ซึ่งในส่วนนี้บริษัทยอมจ่ายประกันค่าภาษี และค่าปรับ 2 เท่า เป็นเงิน 3.7 ล้านบาท เพื่อนำรถออกไป, ใบขนที่ 2 จำนวน 99 คัน บริษัทไม่ยอมจ่ายภาษี และค่าปรับ 2 เท่า และไปฟ้องศาลพัทยา ให้คุ้มครองชั่วคราวให้นำรถออกได้โดยไม่ต้องเสียค่าปรับ 2 เท่า และภายหลังศาลได้ยกเลิกคุ้มครอง หลังจากที่กรมศุลกากรยื่นอุทธรณ์
สำหรับใบขนที่ 3-5 จำนวน 389 คัน บริษัทไม่ยื่นฟอร์ม D และยอมจ่ายประกันค่าภาษีนำเข้า 40% เพื่อนำรถออกไปแล้ว ซึ่งผู้นำเข้าขอสงวนสิทธิ์ต่อสู้ขอคืนภาษีในภายหลัง ซึ่งกรมศุลกากรยืนยันว่า การนำเข้ารถดังกล่าวมีการสำแดงเท็จเหมือนกับ 2 ใบขนแรก
อย่างไรก็ตาม หากดีเอสไอ ยื่นเรื่องฟ้องศาล และผลตัดสินว่า รถเมล์เอ็นจีวีที่นำเข้ามาสำแดงเป็นเท็จ จะต้องเสียค่าปรับ 4 เท่าของราคาสินค้ารวมอากร ซึ่งราคารถเมล์เอ็นจีวีนำเข้ากรมศุลกากรไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเป็นความลับของผู้นำเข้า แต่ภาษีนำเข้ารถเมล์เอ็นจีวี อยู่ที่ 40% หรือ 1.24 ล้านบาท หากรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) 7% ค่าอากรภาษีจะอยู่ที่คันละ 1.45 ล้านบาท
โดยที่ผ่านมา กรมศุลกากรได้ชี้แจงถึงข้อเท็จจริงกรณีการนำเข้ารถเมล์เอ็นจีวี ของบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ซึ่งชนะการประมูลจัดซื้อจัดจ้างรถเมล์เอ็นจีวี กับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่งมีการนำเข้าที่ท่าเรือแหลมฉบัง โดยภายหลังการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า การนำเข้ารถเมล์ดังกล่าวไม่ได้เป็นไปตามข้อตกลงสนธิสัญญาเขตการค้าเสรีกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน (ฟอร์ม D) แต่เป็นการนำเข้ารถเมล์สำเร็จรูปจากประเทศจีน ผ่านประเทศมาเลเซีย และเข้าสู่ประเทศไทย ทำให้ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด
ทั้งนี้ กรมศุลกากรยืนยันว่า มีหลักฐานชัดเจนว่ารถเมล์เอ็นจีวีทั้งหมดผลิตจากประเทศจีน ซึ่งต้องมีการเสียภาษีอากร 40% ขณะที่ นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร ระบุว่า กรมศุลกากรมีหลักฐานการกระทำความผิดชัดเจน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดก่อนไปถึงชั้นสอบสวนได้ เนื่องจากจะทำให้เสียรูปคดี พร้อมทั้งยืนยันว่า กรมศุลกากรทำหน้าที่โดยสุจริต และมีการเร่งดำเนินคดีอย่างละเอียดรอบคอบ และมีหลักฐานยืนยันชัดเจน ถ้ากรมไม่มั่นใจ คงไม่มาถึงวันนี้
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา